“พฤณท์” ชี้การบินไทยขาดทุน เหตุการบริหารมีปัญหา วางแผนแล้วทำไม่ได้ การตลาดขาดประสิทธิภาพ ปรับตัวช้า รับเครื่องบินเพิ่มแต่ขายตั๋วไม่ได้ตามเป้า และเจอค่าโอทีสูงเกินงบ เตรียมติวเข้ม “สรจักร” หลังสั่งทำแผนแก้ปัญหาอุดรูรั่วไหล ชี้ยังพอมีเวลาพิสูจน์ตัวเอง
พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในไตรมาส 3/2556 ซึ่งขาดทุนกว่า 6 พันล้านบาทว่า เกิดจากการบริหารงานที่มีปัญหาทั้งในเรื่องการตลาดที่ไม่สามารถปรับตัวเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์, คู่แข่ง และปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่เข้ากระทบได้รวดเร็วเพียงพอ อีกทั้งมีการรับมอบเครื่องบินเข้ามาแต่ไม่สามารถหาผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นตามจำนวนที่นั่งที่เพิ่มขึ้นได้ ทำให้การสร้างรายได้และกำไรไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มอบนโยบายให้การบินไทยเร่งปรับแผนการตลาด เพราะการหาลูกค้าได้เพิ่มจะต้องมีแผนที่ดีและชัดเจน และกว่าจะรับมอบเครื่องมืออาจจะใช้เวลาหลายปี ดังนั้นแผนที่วางไว้เดิมตอนซื้อจะต้องมีการปรับเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เพราะหากสถานการณ์เปลี่ยนการบินไทยจะปรับตัวได้ช้า นอกจากนี้ได้ให้หาทางสร้างรายได้เพิ่มจากครัวการบินและการขนส่งสินค้า (แฟกเตอร์) โดยออกหาพันธมิตรเพื่อทำธุรกิจร่วมกันเพื่อขยายตลาดมากขึ้น แต่ยังไม่มีความคืบหน้าซึ่งเข้าใจว่าอาจจะเป็นเพราะการบินไทยมีกฎระเบียบหลายอย่างที่ทำให้ไม่คล่องตัว
นอกจากนี้ยังพบว่าการบินไทยมีค่าใช้จ่ายด้านค่าล่วงเวลา (โอที) สูงเกินความจำเป็นและส่งผลทำให้สูญเสียกำไรที่ควรจะได้ไป โดยในปี 2556 ค่าโอทีสูงเกินจากงบประมาณที่ตั้งไว้อย่างผิดปกติ เนื่องจากมีการจ่ายโอทีในการทำงานเกินความจำเป็นและความเป็นจริง โดยนายสรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) การบินไทยกำลังทบทวนและให้ฝ่ายบริหารและหัวหน้างานในทุกส่วนช่วยกันเคร่งครัดกวดขันให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายแรงงาน ซึ่งจากการกวดขันพบว่าเดือนกันยายนที่ผ่านมาค่าโอทีปรับลดลงจากเดือนสิงหาคมแล้ว
“จะไม่มีการปรับลดค่าโอทีแต่อย่างใด แต่เป็นการควบคุมดูแล จัดระบบให้เป็นไปตามความเป็นจริง ไม่ให้มีการแสวงหาประโยชน์ที่เกินจริง ดูจุดที่รั่วไหลที่อาจจะทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป เช่น คนหนึ่งจะทำงานวันละ 23 ชม.ได้อย่างไร เพราะตามหลักค่าโอทีไม่ควรเกินงบที่ตั้งไว้ และมั่นใจว่านโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้การบินไทยมีต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพนักงานเพิ่มขึ้นแน่นอน” พล.อ.พฤณท์กล่าว
พล.อ.พฤณท์กล่าวว่า สิ่งที่การบินไทยต้องทำคือเร่งแก้ไขปัญหาและอุดช่องโหว่ในทุกจุดอย่างเร่งด่วน เรียกว่าฝ่ายการตลาดต้องเร่งปรับตัวอย่างแรง การบินไทยและการบินไทยสมายล์ต้องมีแผนการทำงานที่สนับสนุนกัน เพราะไทยสมายล์จะมีความคล่องตัวมากกว่า และต้องเพิ่มสัดส่วนการขายตั๋วผ่านอินเทอร์เน็ตให้เป็น 10-14% พร้อมกับลดสัดส่วนของเอเยนต์ลง ในขณะที่การปรับราคาค่าโดยสารในอินเทอร์เน็ตจะต้องรวดเร็วและเป็นราคาที่เหมาะสมสอดคล้องกับช่วงเวลานั้นๆ เพราะพบว่ามักจะแช่ราคาเริ่มต้นซึ่งจะถูกที่สุดไว้ในระบบนานเกินไปจนเสียโอกาสในการทำกำไร ตรงนี้ทีมงานต้องเร็ว
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการบินไทยมีวัฒนธรรมองค์กรสะสมมานาน ยิ่งทำให้ผู้บริหารและพนักงานขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน ขณะที่การแข่งขันด้านธุรกิจการบินกำลังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนนายสรจักรนั้นต้องให้เวลาพิสูจน์ตัวเองอีกระยะเพราะจะมีการประเมินผลงานอีกครั้ง ซึ่งภายใน 1-2 สัปดาห์นี้จะเข้ามาเสนอแผนแก้ปัญหาทั้งหมดให้รับทราบและถ้าทำไปแล้วปีหน้ายังขาดทุนอีกการบินไทยต้องอธิบายได้ว่าผิดพลาดตรงไหน
