xs
xsm
sm
md
lg

แรงงานพม่ารุมแจ้งจับเถ้าแก่ บริษัทเสื้อผ้าส่งออก เบี้ยวค่าจ้าง-ยึดพาสปอร์ต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชียงราย - แรงงานพม่าร่วม 200 คน ขึ้นโรงพักเชียงราย แจ้งจับเถ้าแก่บริษัทเสื้อผ้าส่งออก ปิดบริษัทเบี้ยวค่าจ้าง-ค่าล่วงเวลาไม่พอ ยึดหนังสือเดินทางระหว่างประเทศไว้ไม่ยอมคืนอีก

นายสีหศักดิ์ ผลชีวิน สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.เชียงราย พร้อมด้วยนายชาตรี รุ่งศรีสุขจิต ทนายความมูลนิธิชนเผ่าลุ่มน้ำโขง ได้นำตัวแทนกลุ่มผู้รับจ้างใช้แรงงานชาวพม่าประมาณ 200 คน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.สำเภา สุทธพันธ์ หัวหน้างานสอบสวน สภ.แม่สาย เมื่อเย็นวานนี้ (2 ต.ค. 56) เนื่องจากคณะกรรมาธิการช่วยเหลือสังคมของประเทศพม่า ได้ประสานของความช่วยเหลือผ่านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของไทย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องไว้พิจารณาดำเนินการแล้ว

กลุ่มผู้ใช้แรงงานในพม่าเหล่านี้ให้การว่า ก่อนหน้านี้ได้รับจ้างทำงานกับริษัทเสื้อผ้าแฟชั่นเพื่อการส่งออกรายหนึ่งใน ต.โป่งผา อ.แม่สาย ซึ่งกำหนดให้แรงงานทำงานตั้งแต่เวลา 07.00-19.00 น. แต่เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 56 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ปิดกิจการลงโดยไม่ได้จ่ายค่าจ้างหรือค่าล่วงเวลาเลย รวมทั้งยังหักค่าแรงงานบางส่วนไปโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า

ที่สำคัญคือไม่ยอมคืนหนังสือเดินทางระหว่างประเทศ หรือพาสปอร์ต รวมทั้งหนังสือแรงงานต่างด้าวด้วย เมื่อคนงานประสานขอรับคืน ทางบริษัทฯ อ้างสิทธิผลประโยชน์เป็นค่าใช้จ่ายในการทำหนังสือแรงงานต่างด้าวของแรงงานทั้งหมดซึ่งได้สำรองจ่ายให้ก่อน จากนั้นจึงทยอยหักจากเงินค่าแรงทุกเดือน

กลุ่มผู้ใช้แรงงานให้การอีกว่า พวกเขาต้องใช้พาสปอร์ตยื่นต่อตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทุก 90 วันตามกฎหมาย ดังนั้นจึงขอให้ช่วยเหลือติดตามให้ด้วย เนื่องจากหลังจากคณะกรรมาธิการฯ ของพม่าประสานไปมายังทางการไทยและทางสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.เชียงราย ได้นัดเจรจากับบริษัทตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 56 ที่ผ่านมา แต่ไม่มีความคืบหน้าเพราะบริษัทฯ ไม่ได้ไปตามนัดหมาย

นายสีหศักดิ์กล่าวเพิ่มว่า การยึดเอกสารโดยเฉพาะพาสปอร์ต และวีซ่าของลูกจ้างแรงงานต่างด้าวโดยไม่ได้รับความยินยอม ถือว่าเป็นการกระทําที่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในการทํางานตามหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และเป็นการจงใจกักขัง หน่วงเหนี่ยวทําให้ลูกจ้างปราศจากเสรีภาพในการเคลื่อนไหว รวมทั้งยังเป็นการใช้แรงงานบังคับอีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อทางเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แล้วเห็นว่าเข้าข่ายสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ และเมื่อพยายามเจรจามาแล้วแต่ไม่ได้ผล จึงต้องใช้กระบวนการทางำตรวจเพื่อให้มีการไกลี่เกลี่ยหาทางออกกันต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น