อนุฯ ป.ป.ช.ยัน ขสมก.ต้องปรับราคากลางรถเมล์ NGV 3,183 คันใหม่ ชี้มีข้อมูลชัดกำหนดไว้สูงเกินจริง แฉ ขสมก.หมกเม็ดรวมภาษีนำเข้าแบบสำเร็จรูปไว้ ทำให้ราคารถแอร์แพงลิบ 4.8 ล้านบาท/คัน ทั้งที่จริงๆ ต้องไม่เกิน 4 ล้านบาท/คัน เตรียมแถลงใหญ่วันนี้ ด้าน “ชัชชาติ” ยันโปร่งใสทำตามขั้นตอน แต่พร้อมฟังข้อเสนอทุกฝ่าย
นายไพโรจน์ วงศ์วิภานันท์ ประธานคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดศึกษาเฝ้าระวังโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV 3,183 คัน ของ ขสมก. เปิดเผยว่า ในวันนี้ (15 พ.ย.) คณะอนุฯ ป.ป.ช.จะมีการประชุมถึงการจัดทำร่าง TOR โครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จํานวน 3,183 คัน วงเงิน 13,162.2 ล้านบาท โดยจากการตรวจสอบพบว่า ราคากลางที่ ขสมก.กำหนดในส่วนของรถโดยสารธรรมดาที่ 3.8 ล้านบาทต่อคัน และรถโดยสารปรับอากาศที่ 4.5 ล้านบาทต่อคัน โดย ขสมก.อ้างอิงข้อมูลจากการสอบถามบริษัทรถเอกชน ซึ่งให้ข้อมูลราคาขายที่เป็นราคารถนำเข้าทั้งคัน โดยจะรวมภาษีที่ 40% ไว้ด้วย จึงถือเป็นราคากลางที่สูงกว่าข้อเท็จจริง และเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง ขสมก.ต้องปรับราคากลางในการประมูลใหม่
ทั้งนี้ ถือว่า ขสมก.บกพร่องในการกำหนดราคากลางอย่างมาก โดยระบุว่าสอบถามข้อมูลมาจากบริษัทรถ และนำราคามาเฉลี่ยซึ่งเป็นราคารวมภาษีที่ 40% ไปด้วย ในขณะที่ ข้อมูลจากผู้ประกอบการที่มีการนำเข้ารถโดยสารปรับอากาศจากจีนในสเปกที่สูงกว่า ขสมก.กำหนด พบว่าหากนำเข้ารถสำเร็จรูปทั้งคันจะมีต้นทุนที่ประมาณ 3 ล้านบาท (100,000 เหรียญสหรัฐ) บวกภาษี 40% รวมแล้วประมาณ 4.2 ล้านบาทต่อคัน แต่ประมูลครั้งนี้ให้นำเข้ามาประกอบในประเทศไม่ใช่นำเข้าสำเร็จรูปดังนั้นภาษีเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 10% ส่วนการนำเข้าจะเป็นตัวแชสซีส์ราคาประมาณ 60% ของตัวรถหรือประมาณ 2 ล้านบาทต่อคันรวมค่าแอร์และตัวถังและรวมกำไรให้ผู้เสนอราคาแล้วราคาจะอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาทเศษเท่านั้น
“ข้อมูลที่ ป.ป.ช.มีตอนนี้ยืนยันชัดเจนว่าราคากลางของ ขสมก.ไม่ถูกต้อง และจะสรุปรายละเอียดทั้งหมดเปิดเผยต่อสาธารณะให้รับทราบ และเห็นว่า ขสมก.ควรจะต้องปรับแก้ราคากลางใหม่ นอกจากนี้ยังมีกรณีขนาดรถด้วยที่ ป.ป.ช.เคยเสนอแนะว่าควรจัดซื้อรถขนาด 10 เมตรด้วยเพราะจะช่วยลดต้นทุนโครงการลงได้อีก 25-30% คิดเป็นเงินหลายพันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันคนใช้รถเมล์น้อยลงโดยหันไปใช้บริการรถตู้มากขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องซื้อรถขนาดใหญ่ 12 เมตร ทั้งหมด 3,183 คัน” นายไพโรจน์กล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของการประมูลด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออกชัน) ขสมก.ควรให้ภาคประชาสังคมได้เข้าร่วมสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยตรวจสอบในเรื่องความโปร่งใสอีกด้วย อย่างไรก็ตาม กรณีที่กระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้ปรับแก้ TOR รถร้อนเพื่อให้คนพิการสามารถใช้บริการได้เช่นเดียวกับรถแอร์นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย รวมถึงอนุฯ ป.ป.ช.ด้วย โดยยืนยันว่าที่ผ่านมาการดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่างตามระเบียบอี-ออกชัน และคิดว่ามีความโปร่งใสพร้อมที่จะประมูลแล้ว ซึ่งจะเดินหน้าต่อไปได้หลังจากแก้ไขกรณีรถร้อนสำหรับคนพิการเสร็จเรียบร้อย