ร.ฟ.ท.ขอค่าใช้ประโยชน์ที่ดินสร้างด่วนศรีรัช-วงแหวนฯเพิ่ม อีก 10% จากค่าผ่านทางหลังสัมปทาน BECL หมด “วิเชียร” โยนบอร์ด กทพ.พิจารณาใน ก.ย.นี้ ยอมรับปรับแบบสถานีกลางบางซื่อทำส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้ BECL ล่าช้าแล้ว 2 เดือน เอกชนเลี่ยงก่อสร้างจุดอื่นแทนก่อน ยังมั่นใจเปิดใช้ปี 59 ตามแผน
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิศรี ปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมการใช้เขตทางร่วมกันระหว่างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) โครงการรถไฟความเร็วสูงและโครงการทางพิเศษ สายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ว่าที่ประชุมได้หารือถึงกรณีที่แนวทางด่วนศรีรัช-วงแหวน ระยะทาง 16.5 กิโลเมตรบางช่วงต้องก่อสร้างในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งทับซ้อนกับโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เส้นทางกรุงเทพ-หัวหิน, รถไฟสายสีแดง และรถไฟทางไกล ซึ่งล่าสุดทาง ร.ฟ.ท.ได้ทำหนังสือถึง กทพ.ขอเพิ่มค่าใช้ประโยชน์อีก 10% จากรายได้ค่าผ่านทาง กรณีที่หมดสัญญาสัมปทานกับเอกชนแล้ว กทพ.ยังมีการจัดเก็บค่าผ่านทางอยู่ หลังจากก่อนหน้านี้ กทพ.และ ร.ฟ.ท.ได้ตกลงร่วมกันในเรื่องค่าชดเชยการใช้พื้นที่โดยให้ กทพ.ชดเชย 100% ในพื้นที่ตอม่อ และชดเชย 55% ในพื้นที่ที่สามารถใช้งานได้ ซึ่งปรับเพิ่มจากเดิม 25% ไปแล้ว เนื่องจากไม่เกินกรอบ 4,000 ล้านบาทที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ กทพ.นำข้อเสนอขอค่าใช้ประโยชน์เพิ่มอีก 10% ของ ร.ฟ.ท.แจ้งที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ.พิจารณาภายในเดือนกันยายนนี้ พร้อมกับให้เร่งจัดทำบันทึกข้อตกลงการใช้พื้นที่ ร.ฟ.ท.ในส่วนของค่าชดเชยทีได้ตกลงกันแล้วให้เรียกร้อยและให้รายงานต่อคณะกรรมการติดตามอีกครั้งในเดือนกันยายน
ส่วนแนวโครงสร้างทางงด่วนศรีรัช-วงแหวนฯที่ต้องคร่อมบนแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูงช่วงบางซื่อนั้น ขณะนี้การส่งมอบพื้นที่ให้กับ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BECL ผู้รับสัมปทานทางด่วนเพื่อเข้าพื้นที่ก่อสร้างล่าช้ากว่าแผนประมาณ 2 เดือนแล้ว เนื่องจากการปรับแบบสถานีกลางบางซื่อของ ร.ฟ.ท.เพื่อรองรับระบบรถไฟความเร็วสูงเพิ่มยังไม่ไม่ชัดเจน เพราะแบบเดิมจะมีแค่ระบบรถไฟสายสีแดงและรถไฟทางไกลเท่านั้น และมีแนวคิดเพิ่มเติมว่าอาจจะแยกตัวสถานีรถไฟความเร็วสูงออกมาต่างหาก เช่นใช้พื้นที่บริเวณหมอชิต 2 ซึ่งฝ่ายนโยบายจะพิจารณาแต่ยังไม่ได้ข้อสรุปเมื่อแนวเส้นทางและตอม่อรถไฟความเร็วสูงสูงยังไม่ชัดเจน การกำหนดตอม่อทางด่วนต้องรอ
“ขณะนี้การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้ BECL ล่าช้าประมาณ 2 เดือนแต่ทาง BECL ยังยืนยันว่าจะปรับแผนก่อสร้างโดยไปเร่งรัดงานช่วงบางซื่อในตอนท้ายได้ ไม่กระทบทำให้การก่อสร้างโครงการล่าช้า ส่วนกรณีที่ BECL จะก่อสร้างตอม่อของรถไฟความเร็วสูงให้ไปด้วยเลยนั้นหากแบบรถไฟยังไม่ชัดเจน BECL ยังไม่ยืนยัน โดยขณะนี้ BECL ได้ก่อสร้างช่วงบางซื่อในจุดที่เข้าพื้นที่ได้แล้ว เช่น ทางขึ้น-ลงทางด่วน นอกจากนี้ยังจะต้องเร่งแก้ปัญหาจุดกลับรถบางกรวยซึ่งชาวบ้านร้องขอ บริเวณวัดสนามไน และหมู่บ้านภาณุรังสี ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นหัวหน้าคณะทำงานแก้ปัญหาในเรื่องรูปแบบและระดับของจุดที่เหมาะสมเพราะระดับดินจะมีโครงสร้างรถไฟสีแดง ระดับที่ 2 เป็นรถไฟความเร็วสูง และสูงสุดเป็นทางด่วน โดยการก่อสร้างสิ้นสุดเดือนกรกฎาคม 56 มีความคืบหน้า 5.08% เร็วกว่าแผน 0.08% และยังคงเป้าหมายเปิดให้บริการปี 2559” พล.ต.อ.วิเชียรกล่าว
