ร.ฟ.ท.เซ็นสัญญาซื้อหัวจักร 20 คันจากจีน วงเงิน 2.1 พันล้าน เร่งรัดมอบใน 20 เดือน “ประภัสร์” เผยปัญหาขาดรถจักรทำการขนส่งสินค้าลดเหลือ 11 ล้านตัน/ปีในปี 55 ย้ำมั่นใจเทคโนโลยีจีนทันสมัย ชี้ข้อได้เปรียบต้นทุนต่ำกว่าผู้ผลิตยุโรป เตรียมหาทางออกปัญหาประมูลแคร่ขนสินค้า 308 คัน เหตุโรงงานจีนยื่นหลายรายส่อฮั้ว ตั้งเป้าปี 64 รายได้ขนส่งสินค้าเพิ่มเป็น 3.5 พันล้าน/ปี
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยภายหลังลงนามสัญญาสั่งซื้อหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าน้ำหนักกดเพลา 20 ตัน/เพลา จำนวน 20 คันพร้อมอะไหล่ วงเงิน 2,130 ล้านบาท (67.429 ล้านเหรียญสหรัฐ) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม กับบริษัท ป่าไม้สันติ จำกัด วานนี้ (25 มิ.ย.) ว่า ปัจจุบัน ร.ฟ.ท.ประสบปัญหาขาดแคลนหัวรถจักรอย่างมาก เนื่องจากการจัดซื้อหัวรถจักรใหม่ล่าช้าทำให้รายได้ด้านการขนส่งสินค้าลดลง โดยหัวจักรคันแรกเริ่มทยอยส่งมอบภายใน 15 เดือนและส่งมอบครบทั้ง 20 หัวภายใน 20 เดือน ซึ่ง ร.ฟ.ท.จะส่งวิศวกรไปควบคุมการผลิตที่โรงงาน CSR Qishuya พร้อมกับเจรจาเร่งรัดการส่งมอบให้เร็วขึ้น โดยจะนำมาใช้ขนส่งสินค้าในเส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปยังท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) เป็นหลักเนื่องจากมีปริมาณสินค้าเกษตรมากและเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรม และจาก ICD ลาดกระบังไป ทลฉ.บางส่วน โดยเชื่อว่าหากการขนส่งทางรถไฟตรงเวลามากขึ้นผู้ประกอบการจะหันมาใช้มากขึ้น
ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.จะต้องเร่งดำเนินการจัดซื้อหัวรถจักรเพิ่มเติมอีก 50 คัน วงเงิน 6,562 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารประกวดราคา, การจัดซื้อแคร่รถไฟขนส่งสินค้า 308 คัน วงเงิน 770 ล้านบาท การประกวดราคาติดปัญหาถือหุ้นไขว้ของผู้ยื่นซอง อยู่ระหว่างสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, การจัดซื้อตู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 115 โบกี้ วงเงิน 4,981 ล้านบาท และซ่อมบูรณะรถจักรดีเซลไฟฟ้าอัลสตอม (Refurbish) 56 คัน วงเงิน 3,360 ล้านบาท โดยจะเร่งประกวดราคาให้เสร็จภายในปีนี้
นายประภัสร์กล่าวว่า กลุ่ม CSR มีบริษัทลูก 17 บริษัทตั้งอยู่ในแต่ละมณฑลของจีน ทุกบริษัทต่างจะต้องหางานประมูลเองเพื่อหารายได้ จึงทำให้มีบริษัทในกลุ่มCSR ยื่นประมูลจัดซื้อแคร่ขนส่งสินค้าหลายราย ซึ่งตามกฎหมายไทยอาจจะเข้าข่ายฮั้วประมูลโดยจะหาทางสรุปเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ในเรื่องคุณภาพการผลิตรถไฟของจีนปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างมาก โดย CSR มีลูกค้าใน 72 ประเทศทั่วโลก และเป็นการซื้อหัวรถจักรของจีนเป็นครั้งแรกจึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหา และต้องยอมรับว่าผู้ผลิตจีนได้เปรียบผู้ผลิตจากยุโรปในเรื่องต้นทุนที่ต่ำกว่า เพราะจีนเป็นประเทศใหญ่มีความต้องการในประเทศมากผลิตได้ครั้งละมากๆ และมีค่าจ้างแรงงานถูก มีข้อจำกัดทางกฎหมายทางการค้าน้อย
อย่างไรก็ตาม หลังส่งมอบหัวรถจักรครบ 20 คันจะเพิ่มการขนส่งสินค้าทางรางได้อีก 1 เท่าจากปัจจุบัน และจะเพิ่มมากขึ้นได้อีกหรือไม่ต้องขึ้นกับราคาน้ำมันในอีก 2 ปีข้างหน้าและการตั้งค่าระวางขนส่งด้วย โดยปริมาณการขนส่งสินค้าทาง ร.ฟ.ท.ปี 2555 มีประมาณ 11 ล้านตัน มีรายได้ 1,600 ล้านบาท ลดลงจากปี 2554 ที่มีปริมาณสินค้า 13 ล้านตัน โดยตามแผนหากการก่อสร้างรถไฟทางคู่ และการปรับทางรถไฟ รวมถึงการจัดหาหัวรถจักร และแคร่ขนส่งสินค้าแล้วเสร็จในปี 2564-2565 จะขนส่งสินค้าเพิ่มเป็น 28 ล้านต้นต่อปี รายได้เพิ่มเป็น 3,500 ล้านบาทต่อปี