xs
xsm
sm
md
lg

ค่าทางด่วนขึ้นแน่อีก 5 บาท “พฤณท์” ไม่เบรก ชี้ต้องทำตามสัญญา-เผยแก้รถติดสำคัญกว่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กทพ.เตรียมเจรจา BECL หลังตัวเลขดัชนีผู้บริโภคสิ้นเดือน มี.ค.คำนวณตามสูตรสรุปต้องปรับค่าผ่านทางขึ้นอีก 5 บาท (รถ 4 ล้อ) อนุกรรมการฯ เตรียมถกนัดแรก 10 เม.ย.นี้กำหนดกรอบก่อนเปิดโต๊ะเจรจากับ BECL “พฤณท์” ยันไม่ห่วงกระทบคะแนนเสียง ทุกคนต้องยอมรับ ขึ้นตามสัญญา ชี้เรื่องด่วนที่ต้องเร่งแก้คือ จราจรติดขัดหน้าด่านและทางลง

พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้รายงานผลการคำนวณอัตราค่าผ่านทางด่วนหลังจากที่ได้มีการประกาศตัวเลขดัชนีผู้บริโภค (CPI) สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคมออกมาโดยเบื้องต้นพบว่า ตัวเลขที่ออกมาอยู่ที่ประมาณ 51 บาทกว่า ซึ่ง กทพ.ใช้หลักการปัดเศษลง ทำให้ในวันที่ 1 กันยายน 2556 ซึ่งจะครบกำหนด 5 ปี ที่ต้องมีการปรับค่าผ่านทางตามสัญญาสัมปทานระหว่าง กทพ.กับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BECL จาก 45 บาทเป็น 50 บาท หรือปรับขึ้น 5 บาท

ทั้งนี้ ในฐานะ รมต.ที่กำกับดูแล กทพ. หากพิจารณาตามเงื่อนไขต่างๆ ตามสัญญาแล้วพบว่าจะต้องปรับขึ้นก็จะไม่มีการยับยั้งใดๆ แน่นอน ไม่กังวลว่าจะมีผลกระทบต่อคะแนนเสียงและเห็นว่าประชาชนผู้ใช้ทางควรต้องยอมรับในเรื่องดังกล่าวด้วย ขณะที่สิ่งที่ต้องกังวลและเร่งแก้ไขโดยด่วนมากกว่า คือ ปัญหาการจราจรติดขัดบนทางด่วน ทั้งหน้าด่านเก็บค่าผ่านทาง และทางลงสู่ถนนด้านล่าง ที่มีความพยายามแก้ปัญหามาระยะหนึ่งแล้วแต่ผลยังไม่ค่อยน่าพอใจ ดังนั้นจึงห่วงเรื่องที่ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการใช้ทางด่วนมากกว่ากรณีที่จะมีการปรับขึ้นค่าผ่านทาง

ด้านนายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการฯ กทพ.กล่าวว่า ขณะนี้ได้ข้อมูลเบื้องต้นประกอบการพิจารณาอัตราค่าผ่านทางแล้ว โดย คณะอนุกรรมการพิจารณาค่าผ่านทางพิเศษ เพื่อเตรียมการปรับค่าผ่านทางของทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) และทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) ที่มีนายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุดและกรรมการบอร์ด กทพ.เป็นประธานจะมีการประชุมนัดแรกในวันที่ 10 เมษายนนี้ โดยจะรวบรวมประเด็นที่สัญญากำหนดไว้เกี่ยวกับการปรับค่าผ่านทางทั้งหมด และประเด็นที่ยังเป็นข้อสงสัย ตลอดจนความเห็นของอัยการ เพื่อกำหนดกรอบสำหรับการเจรจาอย่างรอบคอบ เนื่องจากยังมีประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นไม่ตรงกันอยู่ ซึ่งจะต้องนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ.) เห็นชอบก่อนเจรจากับ BECL ต่อไป

สำหรับหลักการของ กทพ.ในการคำนวณค่าผ่านทางเมื่อคำนวณการเพิ่มของดัชนีราคาผู้บริโภคแล้วมีเศษหากไม่ถึง 5 บาทให้ปัดทิ้ง เช่น ค่าผ่านทาง 40 บาท ส่วนเพิ่มดัชนีผู้บริโภค 18.79 % ค่าผ่านทางใหม่เท่ากับ 40 X 1.1879 = 47.52 บาท ปัดเศษทิ้งเท่ากับ 45 บาท (เศษ 2.52 บาทไม่ถึง 5 บาท ตัดทิ้ง) โดยโครงข่ายในเขตเมือง (ทางด่วนขั้นที่ 1 บวก ขั้นที่ 2 ส่วนA, และโครงข่ายนอกเมืองส่วน C และ D ปรับครั้งหนึ่งรวมกันไม่เกิน 10 บาท เช่นในเขตเมืองปรับแล้วจาก 30 บาทเป็น 40 บาทนอกเขตเมืองจะปรับไมได้เลย ซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2541 ที่ในเขตเมืองปรับขึ้นจาก 30 บาทเป็น 40 บาท ดังนั้น ส่วนC จากถนนประชาชื่น-ถนนแจ้งวัฒนะ เดิม 15 บาท ยังคงเป็น 15 บาท ปรับขึ้นไม่ได้เพราะในเมืองปรับขึ้นไปแล้ว 10 บาท

ส่วนหลักการของ BECL ในการคำนวณค่าผ่านทางเมื่อคำนวณการเพิ่มของดัชนีราคาผู้บริโภคแล้วมีเศษหากไม่ถึง 5 บาทให้ปัดขึ้นเป็นจำนวนเต็ม 5 บาท เช่น ปรับแล้วได้ 447.52 บาทต้องปัดขึ้นเป็นจำนวนเต็มเป็น 50 บาท โดยโครงข่ายในเขตเมืองและนอกเมืองแยกกันปรับโดยในเมืองขึ้นได้ไม่เกิน 10 บาท ในขณะที่โครงข่ายนอกเมือง ก็ขึ้นได้ไม่เกิน 10 บาทเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม โดยจะทำให้อัตราค่าผ่านทางด่วนขั้นที่1 และ 2 สำหรับรถยนต์ 4 ล้อ จาก 45 บาท ปรับเป็น 50 บาท รถยนต์ 6-10 ล้อ จาก 70 บาท เป็น 80 บาท และรถยนต์ตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไปจาก 100 บาทเป็น 115 บาท ซึ่งการปรับอัตราค่าผ่านทางตามสัญญาฯ ได้มีการดำเนินการมาแล้ว จำนวน 3 ครั้ง เมื่อปี 2541, 2546 และ 2551 และครั้งที่ 4 ในปี 2556
กำลังโหลดความคิดเห็น