นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงกรณีที่ บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) ยื่นหนังสือถึง กทพ.เพื่อขอปรับขึ้นค่าผ่านทางตามเงื่อนไขที่กำหนดระยะเวลาสัญญาสัมปทานที่จะมีการปรับทุกๆ 5 ปี โดยยืนยันว่าอัตราค่าผ่านทาง ที่จะปรับขึ้นใหม่นี้ กทพ.จะติดตามตัวเลขของดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมีนาคม เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา
ทั้งนี้ ยอมรับว่าอัตราการคำนวณค่าผ่านทางที่ขอปรับขึ้นของบีอีซีแอล ขณะนี้ยังมีฐานตัวเลขที่แตกต่าง กับ กทพ. รวมทั้ง กทพ.จะมีการสอบถามความเห็นในข้อกฎหมายและสัญญาไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด และเมื่อได้ข้อสรุปก็จะมีการรายงานผลการพิจารณาให้กระทรวงคมนาคมทราบ โดยภาพรวมคาดว่าภายในเดือนสิงหาคม 2556 น่าจะได้ข้อสรุปการปรับขึ้นอัตราใหม่ โดยบริษัทจะต้องประกาศอัตราใหม่ก่อนที่จะมีการปรับใช้ โดยอัตราใหม่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2556
เบื้องต้นอัตราค่าผ่านทางที่จะมีการปรับขึ้นจะอยู่ที่ประมาณ 5 บาท ซึ่ง กทพ.จะเริ่มเจรจากับบีอีซีแอลเดือนมีนาคมนี้ หลังจากนั้นต้องเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ กทพ. กระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา หากได้รับความเห็นชอบต้องมีการประกาศล่วงหน้า ซึ่งอัตราใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กันยายน 2556 ส่งผลให้อัตราค่าผ่านทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 สำหรับรถยนต์ 4 ล้อ จาก 45 บาท เป็น 50 บาท รถยนต์ 6-10 ล้อ จาก 70 บาท เป็น 80 บาท และรถยนต์ 10 ล้อขึ้นไป จาก 100 บาท เป็น 115 บาท
ส่วนสัญญาสัมปทานทางพิเศษเฉลิมมหานคร หรือทางด่วนขั้นที่ 1 และทางพิเศษศรีรัช หรือทางด่วนขั้นที่ 2 ระหว่าง กทพ.กับบีอีซีแอลที่จะสิ้นสุดในอีก 9 ปี ขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณา เพราะต้องขึ้นอยู่กับนโยบายว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร จะให้ กทพ.บริหารจัดการทางด่วนเอง หรือจะเจรจากับบีอีซีแอลเพื่อต่อสัญญา ซึ่งในสัญญาระบุไว้ว่าเมื่อหมดสัญญาแล้ว กทพ.ต้องเจรจาต่อสัญญากับบีอีซีแอลก่อนวิธีการอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม การบริหารสัญญาเองจะมีข้อดีที่รัฐจะกำหนดหรือลดราคาค่าผ่านทางได้ง่าย โดยไม่ต้องเจรจากับเอกชนก่อน
ทั้งนี้ ยอมรับว่าอัตราการคำนวณค่าผ่านทางที่ขอปรับขึ้นของบีอีซีแอล ขณะนี้ยังมีฐานตัวเลขที่แตกต่าง กับ กทพ. รวมทั้ง กทพ.จะมีการสอบถามความเห็นในข้อกฎหมายและสัญญาไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด และเมื่อได้ข้อสรุปก็จะมีการรายงานผลการพิจารณาให้กระทรวงคมนาคมทราบ โดยภาพรวมคาดว่าภายในเดือนสิงหาคม 2556 น่าจะได้ข้อสรุปการปรับขึ้นอัตราใหม่ โดยบริษัทจะต้องประกาศอัตราใหม่ก่อนที่จะมีการปรับใช้ โดยอัตราใหม่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2556
เบื้องต้นอัตราค่าผ่านทางที่จะมีการปรับขึ้นจะอยู่ที่ประมาณ 5 บาท ซึ่ง กทพ.จะเริ่มเจรจากับบีอีซีแอลเดือนมีนาคมนี้ หลังจากนั้นต้องเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ กทพ. กระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา หากได้รับความเห็นชอบต้องมีการประกาศล่วงหน้า ซึ่งอัตราใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กันยายน 2556 ส่งผลให้อัตราค่าผ่านทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 สำหรับรถยนต์ 4 ล้อ จาก 45 บาท เป็น 50 บาท รถยนต์ 6-10 ล้อ จาก 70 บาท เป็น 80 บาท และรถยนต์ 10 ล้อขึ้นไป จาก 100 บาท เป็น 115 บาท
ส่วนสัญญาสัมปทานทางพิเศษเฉลิมมหานคร หรือทางด่วนขั้นที่ 1 และทางพิเศษศรีรัช หรือทางด่วนขั้นที่ 2 ระหว่าง กทพ.กับบีอีซีแอลที่จะสิ้นสุดในอีก 9 ปี ขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณา เพราะต้องขึ้นอยู่กับนโยบายว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร จะให้ กทพ.บริหารจัดการทางด่วนเอง หรือจะเจรจากับบีอีซีแอลเพื่อต่อสัญญา ซึ่งในสัญญาระบุไว้ว่าเมื่อหมดสัญญาแล้ว กทพ.ต้องเจรจาต่อสัญญากับบีอีซีแอลก่อนวิธีการอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม การบริหารสัญญาเองจะมีข้อดีที่รัฐจะกำหนดหรือลดราคาค่าผ่านทางได้ง่าย โดยไม่ต้องเจรจากับเอกชนก่อน
