"บิ๊กชู" บุญชู เรืองกิจ ประกาศกร้าวประสบการณ์คลุกคลีในวงการกอล์ฟมากว่า 30 ปี สามารถพัฒนาวงการกอล์ฟอาชีพได้แน่ ยืนยันหากได้รับเลือกเป็นนายกฯ พร้อมหยุดออกทัวร์แข่งขัน เพื่อมีเวลาบริหารงานสมาคมฯ เต็มที่ เผยยินดีเปิดทางสปอนเซอร์ทุกเจ้าที่ต้องการเข้ามาสนับสนุนอย่างทัดเทียม ไม่มีการแบ่งแยกค่าย ประกาศนโยบายหลัก ทั้งการจัดทัวร์นาเมนท์แข่งขันอย่างต่อเนื่องในระดับไทยแลนด์ พีจีเอ ทัวร์ และ เอเชียน ทัวร์ ที่วางเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 20 รายการ ด้วยเงินรางวัลรวมกว่า 42 ล้านบาท
ความเคลื่อนไหวโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งนากยสมาคมกอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย ที่จะมีขึ้นในเวลา 13.00 น. วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2552 ณ ห้องบอลรูม โรงแรมเจ้าพระยา ปาร์ค ล่าสุด "บิ๊กชู" บุญชู เรืองกิจ นักกอล์ฟชื่อดัง เจ้าของดีกรี 5 แชมป์ เอเชียน ทัวร์ ของไทย และเป็นโปรหนึ่งเดียวของไทยที่สร้างประวัติศาสตร์ลงเล่นในแชมเปียน ทัวร์ ของสหรัฐฯ เผยว่า ตนเองยืนยันว่า การลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกโปรในครั้งนี้ เพราะต้องการที่ตอบแทนวงการกอล์ฟ และมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ที่คลุกคลีมายาวนานกว่า 30 ปี จะสามารถนำมาใช้ในการบริหารงานได้อย่างแน่นอน
“ผมโตมากับกีฬากอล์ฟ ได้เห็นการจัดการต่างๆ มาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 30 ปี โดยประสบการณ์ผมรู้ว่าต้องบริหารงานอย่างไร ซึ่งบางสิ่งบางอย่างไม่มีในชั้นเรียน รู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ ผมเดินทางต่างประเทศมาเรียกว่า เกือบจะทั่วโลกก็ว่าได้ และผมไม่ได้คิดจะทำแค่ในส่วนของนักกอล์ฟ รวมถึงแคดดี้เอง ผมก็มีความคิดที่จะจัดให้มีการแข่งขันแคดดี้อาชีพขึ้น เพื่อยกระดับแคดดี้ของไทยอีกด้วย ซึ่งหากได้รับการเลือกตั้งแน่นอนว่า ผมคงจะต้องหยุดออกทัวร์เพื่อใช้เวลาในการบริหารงานสมาคมฯ อย่างเต็มที่”
ส่วนประเด็นปัญหาที่ว่า หากเข้ามาบริหารงานสมาคมฯ อาจจะมีการกีดกันสปอนเซอร์รายอื่นๆ นั้น โปรบุญชูกล่าวว่า “ผมพร้อมที่จะเปิดทางให้กับทุกสปอนเซอร์ที่อยากจะเข้ามา และผมเองก็จะวิ่งเข้าหาสปอนเซอร์ทุกราย ทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่มีการแบ่งแยกสปอนเซอร์หรือแบ่งแยกโปรว่ามาจากค่ายไหน ทุกคนจะมีสิทธิเท่าเทียมเหมือนกันหมด ภายใต้กฎข้อบังคับของสมาคมฯ การที่จะผูกขาดอยู่กับเจ้าใดเจ้าหนึ่งคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เรายังต้องการผู้สนับสนุนอยู่อีกมาก”
นอกจากนั้นแล้วโปรบุญชู ยังเผยว่า สำหรับนโยบายหลักๆ คงเป็นเรื่องของการจัดทัวร์นาเมนท์แข่งขันอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับเอเชี่ยน ทัวร์ ที่วางไว้เบื้องต้น จะมีการแข่งขันอย่างน้อย 2 รายการ ด้วยเงินรางวัลรวมกว่า 20 ล้านบาท และสมาชิกของสมาคมฯ จะได้สิทธิ์ลงแข่งขันไม่น้อยกว่า 40 คน และการแข่งขันในระดับไทยแลนด์ พีจีเอ ทัวร์ ไม่ต่ำกว่า 18 รายการ และมีเงินรางวัลรวมกว่า 22 ล้านบาท โดยจะมีการแข่งขันรอบคัดเลือก เพื่อเปิดโอกาสให้นักกอล์ฟที่ไม่มีแรงกิ้งหรือสมาชิกใหม่ได้มีโอกาสลงแข่งขันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการแข่งขันในระดับ ไทยแลนด์ พีจีเอ ทัวร์ ก็จะเปิดให้เฉพาะนักกอล์ฟที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ลงแข่งขันเท่านั้น และยังไม่มีการนำไปรวมกับการแข่งขันรายการอื่นๆ เพื่อให้สมาชิกมีรายการแข่งขันมากยิ่งขึ้น