แม้จะทำได้เพียงอันดับ 10 ร่วมจากศึก ไทยแลนด์ โอเพน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนไม่อาจสร้างสถิติเป็นนักกอล์ฟไทยรายการที่ 3 ต่อจาก สุเทพ มีสวัสดิ์ กับ บุญชู เรืองกิจ ที่ได้ครอบครองถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์ความสำเร็จของ “ธงชัย ใจดี” ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมาในศึก เอเชียน ทัวร์ เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ระดับต้นๆ ของทวีป พิสูจน์ได้จากสถิติมากมายที่ “โปรช้าง” ถือครองอยู่ ณ ปัจจุบันนั่นเอง
จากผลงานการคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์โค-แซงชัน ยูโรเปียน กับ เอเชียน ทัวร์ รายการ อินโดนิเซีย โอเพน เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ ธงชัย ที่เป็นเจ้าของตำแหน่งทำเงินสูงสุดตลอดกาลของ เอเชียน ทัวร์ อยู่แล้ว กลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่สะสมเงินทะลุหลัก 3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 105 ล้านบาท) ตลอดจนเพิ่มโทรฟีแชมป์ เอเชียน ทัวร์ เป็น 11 ใบมากที่สุดแซงหน้า ถาวร วิรัตน์จันทร์ อีกด้วย ซึ่งจากผลงานดังกล่าวแม้แต่ตัว “โปรช้าง” เองยังไม่อยากเชื่อว่าจะมีวันนี้ได้ โดยเปิดเผยความในใจให้ผู้สื่อข่าว MGR Sport ฟังว่า
“ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยจริงๆ ว่าจะประสบความสำเร็จในอาชีพนักกอล์ฟได้มากมายขนาดนี้ แต่เมื่อได้ลองย้อนคิดกลับไปเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากปัจจัยหลายๆ อย่าง แน่นอนว่าความมุ่งมั่น ตั้งใจ และพยายามมาเป็นอันดับแรก ส่วนตัวผมคิดว่าแค่ความพยายามอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความมุ่งมั่นด้วย ตลอดจนใฝ่หาความรู้และเทคนิคการเล่นใหม่ๆ เข้ามาช่วยพัฒนาเกมการเล่นของตัวเองอยู่เสมอ ส่วนปัจจัยรองลงมาก็คือบรรดาผู้มีอุปการคุณทุกท่าน โดยเฉพาะคุณสันติ ภิรมย์ภักดี (กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี จำกัด) ที่สนับสนุนนักกอล์ฟไทยมาโดยตลอด ทำให้หลายๆ คนมีโอกาสได้เดินทางออกมาเล่นในทัวร์ต่างๆ”
นอกจากนี้ อดีตมือ 1 เอเชียน ทัวร์ 2 สมัยคือเมื่อปี 2001 กับ 2004 ยังเล็งเห็นว่าเรื่องของภาษามีความสำคัญอย่างยิ่งกับการเล่นบนเวทีระดับนานาชาติ “ไม่ว่าจะเล่นอยู่ในทัวร์ใดก็ตาม เราอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้ แต่ต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคม ดังนั้นเรื่องของภาษาผมคิดว่าสำคัญมาก เพราะการเดินทางออกไปเล่นต่างประเทศจำเป็นต้องมีความรู้ด้านภาษาติดตัวไว้ แต่ปัญหาของนักกอล์ฟไทยส่วนใหญ่ยังมีปัญหาตรงส่วนนี้ เวลาออกเดินทางไปเล่นแล้วเกิดความอาย ความไม่กล้า ทำอะไรก็กลัวผิดไปหมด ดังนั้นหากมีความรู้ด้านภาษาความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นก็จะน้อยลง ผลงานการเล่นของเราก็ดีขึ้นด้วย”
ส่วนบทบาทต่อการพัฒนาวงการกอล์ฟไทยและเอเชียในอนาคตนั้น ธงชัย ที่กำลังจะอายุครบ 40 ปีในเดือนพฤศจิกายนนี้ บอกว่า “ผมคงจะอยู่ตรงนี้ต่อไปจนกว่าจะเล่นไม่ไหว แล้วค่อยมาคิดอีกทีว่าจะช่วยพัฒนาวงการกอล์ฟบ้านเราหรือแม้แต่ในภูมิภาคเอเชียได้อย่างไร แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คิดเลยเนื่องจากยังคิดว่าตัวเองสามารถเล่นได้อยู่”
“อย่างไรก็ตามสิ่งที่ตอนนี้พอจะทำได้ก็คือการพยายามถ่ายทอดสิ่งดีๆ ให้กับน้องรุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะเยาวชนให้เห็นสิ่งที่เราทำแล้วประสบความสำเร็จได้ดูเป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะโครงการปั้นดินให้เป็นดาวที่ทำอยู่ที่จังหวัดลพบุรีบ้านเกิด โดยพยายามหาวิธีการให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับกีฬากอล์ฟและการพัฒนาเกมการเล่นให้เร็วที่สุด หากได้รับเทคนิคอะไรใหม่ๆ มาก็พยายามจะถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ไปให้ อย่างน้อยเด็กพวกนี้ก็ได้เล่นกีฬาและได้เรียนจบในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งหากไม่สามารถก้าวขึ้นไปเป็นนักกอล์ฟที่ประสบความสำเร็จได้ อย่างน้อยก็ยังมีความรู้นำไปประกอบอาชีพได้”
ท้ายที่สุด ธงชัย ที่เพิ่งได้ลูกชายคนที่ 2 เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว แสดงทัศนะถึงพัฒนาการของวงการกอล์ฟไทยว่า “วงการกอล์ฟบ้านเรากำลังพัฒนาไปได้ด้วยดี จะเห็นได้ว่ามีนักกอล์ฟหน้าใหม่เข้ามาเล่นใน เอเชียน ทัวร์ กันหลายคน แต่อย่างที่ผมเคยพูด นักกอล์ฟรุ่นใหม่ทุกคนรู้จัก ไทเกอร์ วูดส์ และอยากเป็นเหมือน ไทเกอร์ ดังนั้นผมคิดว่าเด็กต้องมีแบบอย่างให้เดินตาม กีฬากอล์ฟความสำคัญอยู่ตรงนี้ อีกทั้งสมัยนี้มีครบหมดทั้งคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าแต่ก่อน แต่สิ่งที่ขาดไปสำหรับนักกอล์ฟรุ่นใหม่ก็คือความอดทนและระเบียบวินัยเท่านั้นเอง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องกลับมาคิดว่าทำอย่างไรจะทำให้วงการกอล์ฟบ้านเราพัฒนาให้เร็วขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ และทำอย่างไรถึงจะทำให้เด็กๆ ได้เห็นคุณค่าของกีฬากอล์ฟอย่างแท้จริง”
นับตั้งแต่ลงเล่น เอเชียน ทัวร์ รายการแรกในศึก เมียนมาร์ โอเพน เมื่อปี 1999 ถึงวันนี้เส้นทางของหนุ่มใหญ่จาก ลพบุรีเดินทางมาถึงหลักกิโลชีวิตที่หนึ่งทศวรรษ ด้วยประสบการร้อนหนาวจนก้าวขึ้นมาเป็นสวิงแถวหน้าของเอเชีย ผลงานต่อจากนี้ของโปรช้างคือสิ่งที่จะถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงว่ายุคหนึ่งเมืองไทยและทวีปเอเชียเคยมียอดนักกอล์ฟที่ชื่อว่า “ธงชัย ใจดี”