“พญาเสือ” ไทเกอร์ วูดส์ ก้านเหล็กหมายเลขหนึ่งของโลก เชื่อว่าการพักช่วงนานระหว่างศึก พีจีเอ แชมเปียนชิป กับ เดอะ มาสเตอร์ส เป็นการเพิ่มแรงกดดัน ตลอดจนเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อการเดินหน้าคว้าแชมป์เมเจอร์ 3 รายการติดต่อกันของ พาเดรก แฮร์ริงตัน
เมื่อปีที่แล้ว แฮร์ริงตัน คว้าแชมป์เมเจอร์ 2 รายการสุดท้ายของปี ดิ โอเพน และ พีจีเอ แชมเปียนชิป ขณะที่ในเดือนเมษายนนี้ยอดโปรจากไอร์แลนด์เหนือมีโอกาสได้กลายเป็นนักกอล์ฟคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์เมเจอร์ได้ 3 รายการติด ต่อจาก เบน โฮแกน และ ไทเกอร์ วูดส์
อย่างไรก็ตาม “พญาเสือ” มีสถิติที่เหนือกว่าจากการทำ "ไทเกอร์ สแลม" คว้าแชมป์เมเจอร์ 4 รายการติดต่อกัน ซึ่งจบด้วยชัยชนะในศึก เดอะ มาสเตอร์ส เมื่อปี 2001
ขณะที่ ไทเกอร์ และ แฮร์ริงตัน เตรียมลงทำศึก พีจีเอ ทัวร์ รายการ อาร์โนลด์ พาลเมอร์ อินวิเตชัน ในสัปดาห์นี้ ซึ่ง ยอดโปรชาวอเมริกันวัย 33 ปี รู้ดีถึงความคาดหวังของ แฮร์ริงตัน ต่อศึก เดอะ มาสเตอร์ส เมเจอร์แรกของปีที่จะเริ่มในวันที่ 9 เมษายนนี้ "มันคือความคาดหวังที่เกิดขึ้นหลังจากได้แชมป์เมเจอร์ 2 รายการติด เป็นคำถามที่จะต้องเจอในทุกๆ สัปดาห์ แต่ปัญหาอยู่ที่ช่วงเวลาที่ห่างกันระหว่างศึก พีจีเอฯ กับ เดอะ มาสเตอร์ส"
"ผมจำได้เมื่อปี 2000 ต่อเนื่องปี 2001 เป็นเวลาจาก พีจีเอฯ ไปสู่ เดอะ มาสเตอร์ส มันดูเหมือนยาวนานมาก เพราะหลายคนต่างตั้งคำถามในทุกๆ วันถึงความคาดหวังในการเล่นที่สนามออกัสตา แต่นั่นคือสิ่งที่เขาต้องจัดการในช่วงเวลาหลายเดือนก่อน เดอะ มาสเตอร์ส จะเริ่ม"
อย่างไรก็ตาม ไทเกอร์ ยังเชื่อว่า แฮร์ริงตัน ที่คว้าแชมป์เมเจอร์ไปแล้ว 3 รายการ มีศักยภาพพอที่จะเก็บแชมป์เมเจอร์เพิ่มได้อีก "มันคือความมั่นใจ เมื่อมองดูเส้นทางของ แฮร์ริงตัน มีตั้งกี่ครั้งที่ได้แค่รองแชมป์ แต่เมื่อเขาเรียนรู้ว่าจะชนะได้อย่างไร จากนั้นก็เก็บแชมป์เป็นว่าเล่น มันแสดงให้เห็นว่าคุณก็ทำได้เช่นกัน"
ทั้งนี้ล่าสุด ไทเกอร์ ตอบรับลงทำศึก เอชเอสบีซี แชมเปียนส์ ที่เมืองจีน ระหว่างวันที่ 5-8 พฤศจิกายนนี้ หนึ่งสัปดาห์ก่อนลงแข่ง ออสเตรเลียน มาสเตอร์ส ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย