ระหว่างที่ผมกำลังออกเดินจากริมห้วยแห่งหนึ่งในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก เข้าสู่หน่วยพิทักษ์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ใกล้เคียง เพื่อพักผ่อนสังขารจากอาการปวดหลังเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจก้มๆ เงยๆ วุ่นวายกับการเก็บภาพสัตว์ป่าจำพวกเลื้อยๆ คลานๆ และสะเทินน้ำสะเทินบกประจำวัน มีเสียงดังขึ้นจากทางด้านหน้าของผมห่างออกไปไม่ไกลมากนัก
“พี่ มีรอยด้วย ใหม่ๆ เลย น่าจะเพิ่งไปก่อนหน้าเราเมื่อตะกี๊นี้เอง” ซู เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าวัยต้นยี่สิบผู้ที่ยังคงมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือเอ่ยขึ้น
“รอยตีนเสือหรือเปล่า” ซู ถามเมื่อเห็นผมเดินตามมาทัน
“ไม่น่าจะ มีรอยเล็บด้วย น่าจะเป็น หมาในเสียมากกว่า” เสียงของ บอย เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ารูปร่างเพรียวอีกคนที่อาวุโสกว่า เอ่ยตอบ
“พี่ว่าตัวอะไรครับ” บอย หันมาถามผม
ผมย่อตัวลงมองรอยตีนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ทำทีท่าเป็นวัดขนาดของอุ้งตีนและดูร่องรอยเพื่อเป็นการกลบเกลื่อนอาการเหนื่อยหอบ “ใช่แล้วครับ รอยตีนหมาใน ก็อย่างที่บอยว่า เห็นรอยเล็บได้ชัดเจนเลย” ผมตอบกลับ
เนื่องจากที่สายฝนพร่างพรมลงมาตลอดทั้งคืน ทางด่านสัตว์และถนนที่เราใช้สัญจรจึงชุ่มฉ่ำ ดินที่อุ้มน้ำจนเต็มที่เปลี่ยนสภาพกลายเป็นโคลนเละ ร่อยรอยที่ผ่านทางของพวกเราเมื่อช่วงเช้ายังคงเห็นได้เด่นชัด เช่นเดียวกันกับร่อยรอยของสัตว์ป่าทั้งหลายที่ใช้เส้นทางเดียวกัน เช่นเดียวกับร่องรอยของหมาใน
“ขามา ยังไม่มีรอยแน่นอนครับ น่าจะเพิ่งหลบเข้าข้างทางเมื่อกี๊นี้เอง” บอย และ ซู ย้ำบอกกับผมอีกครั้ง ผมมองเข้าไปยังป่าสลับดงหญ้าสูงข้างทางขณะที่กำลังเดินอยู่ เมื่อหันกลับมาก็พบว่า เพื่อนร่วมทางของผมทั้งสองคนเปลี่ยนตำแหน่งการถืออาวุธเรียบร้อยแล้ว
การพบร่องรอยหมาในอย่างกระชั้นชิดแบบนี้ ทำให้ผมนึกไปเมื่อสมัยที่ยังเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรีปีที่สอง ผมกับเพื่อนๆ ที่เลือกเรียนอยู่สาขาเดียวกันตัดสินใจแบกเป้ขึ้นหลังเข้าไปเที่ยวป่าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา พวกเราตัดสินใจเข้าไปพักแรมที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาแหลม การพักค้างในคืนแรกผ่านพ้นไปด้วยดีและไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยความที่ยังอยู่ในวัยรุ่นอันคึกคะนอง ในคืนที่สองเราจึงตัดสินใจไปนอนยังห้างดูสัตว์เก่าที่ตั้งอยู่ไกลออกไปจากทั้ตั้งหน่วยพิทักษ์ฯ เพื่อหวังจะส่องดูสัตว์ในตอนกลางคืน หลังจากรับประทานเย็นอาหารเรียบร้อย เราจัดเตรียมอุปรณ์ที่จำเป็นต้องใช้และขึ้นไปนั่งบนห้างส่องสัตว์ก่อนที่ตะวันจะลับฟ้า สภาพของห้างเป็นเพียงโครงเหล็กเก่าๆ สนิมเกาะและมีไม้พาดอยู่เพียงไม่กี่แผ่นเท่านั้น แต่ก็พอที่ผมกับเพื่อนจะนั่งกันได้ เมื่อตะวันลับขอบฟ้าและความมืดมาเยือน เราได้ยินเสียงหอนมาจากไกลๆ แทนที่เสียงของจักจั่นที่ค่อยๆ เงียบลง
ด้วยที่พวกเรายังมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องสัตว์ป่าไม่มากนัก ในตอนนั้นคิดว่าถ้าไม่ใช่เสียงหมาของพี่เจ้าหน้าที่ ก็น่าจะเป็นเป็นเสียงหอนของสุนัขป่าชนิดใดชนิดหนึ่ง ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำการนั่งส่องสัตว์ครั้งนี้มีทีท่าว่าจะล้มเหลว ไม่มีสัตว์ป่าชนิดไหนแวะเวียนเข้ามาในบริเวณใกล้เคียงแม้แต่น้อย คงมีแต่เสียงนั้นที่ยังคงได้ยินอยู่ไกลๆ เมื่อเวลาผ่าน ไปเสียงหอนที่ได้ยินเริ่มดังและฟังเหมือนจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นทำให้พวกเราเริ่มมั่นใจแล้วว่าเสียงที่ได้ยินน่าจะเป็นของหมาในฝูงหนึ่ง ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ได้แสดงตัวออกมาให้เห็นก็ตาม แต่ความรู้สึกของผมบอกมาว่า ผมกับเพื่อนที่นั่งอยู่บนห้างส่องสัตว์เก่าๆ แห่งนี้ถูกโอบล้อมไปเรียบร้อยแล้ว เสียงหอนแต่ละครั้งที่ได้ยินเริ่มทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก ก็คงเป็นความกลัวนั่นแหล่ะครับที่ทำให้หัวใจผมเต้นแรงขึ้น
ความเย็นทำใหผมสะดุ้งตื่น เสียงหอนของหมาในหายไปแล้ว พวกมันคงผละหลบขณะที่ผมกับเพื่อนกำลังหลับสัปหงกในช่วงดึกสงัดก่อนรุ่งสาง ถึงแม้การนั่งห้างส่องสัตว์ครั้งนี้พวกเราจะไม่ได้เห็นสัตว์ป่าแต่เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปสามารถทดแทนกันได้เป็นอย่างดี พวกเรานั่งอยู่บนห้างจนพระอาทิตย์ขึ้นสูง ชมทุ่งหญ้าอาบด้วยแสงทองของเช้าวันใหม่จนเต็มอิ่มก่อนที่จะลงมาจากห้างส่องสัตว์ เมื่อสังเกตดูโดยรอบก็พบว่าพื้นที่ใต้ห้างนั้นเป็นเนินดิน มีหลุมที่ถูกขุดและรอยตีนของหมาจำนวนมาก ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นรังของหมาในฝูงนั้น เพราะพวกเรามานั่งๆ นอนๆ อยู่บนบ้านของพวกมันนี่เอง พวกมันจึงมาวนเวียนอยู่รอบๆ เมื่อคืนนี้ ดีที่พวกเราไม่ได้ถูกเพิ่มลงไปในเมนูอาหารเมื่อคืนเพราะมารบกวนพวกมัน เป็นสิ่งที่ผมกับเพื่อนสรุปกันก่อนที่จะเก็บของและเดินทางกลับไปยังที่ทำการเขตของอุทยาน
“ถึงหน่วยแล้วครับ” เสียงของ บอย ดังขึ้นพร้อมชี้ให้ผมดูไม้กั้นสีแดงขาวขนาดใหญ่ แต่เปิดกว้างยินดีต้อนรับผู้มาเยือนทุกคนก่อนถึงหน่วยฯ ทำให้ผมหลุดออกจากความคิดของตัวเอง
ตลอดระยะทางที่พวกเราเดินไม่มีเหตุการณ์ระทึกขวัญอย่างที่เกิดขึ้นประจำในหนังหรือภาพยนตร์ฮอลลีวูดเกิดขึ้นแต่อย่างใด ตามปรกติแล้วแทบจะไม่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นเลยในกรณีที่สัตว์ป่าจะลงมือทำร้ายมนุษย์ก่อน สัตว์ป่าเมื่อกระสากลิ่นหรือรับรู้ว่ามีมนุษย์อยู่ใกล้เคียง พวกมันเองที่จะขอถอยและหลบหลีกไป ไม่เว้นแม้กระทั่ง ช้างหรือเสือ ยกเว้นบ้างในกรณีที่สัตว์ตัวนั้นป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ ซึ่งสาเหตุหลักๆ ก็หนีไม่พ้นจากน้ำมือของมนุษย์เอง
หมาในฝูงที่ผมบังเอิญเดินตามรอยในวันนี้ พวกมันอาจจะกำลังออกล่า ซุ่มตามเหยื่อ กลับรังไปหาลูกๆ พักผ่อน หรืออาจจะกำลังเดินเล่นอยู่ก็เป็นได้ แต่พวกมันกลับต้องหลบออกจากเส้นทางเดิม พวกมันอาจจะคลาดกับเหยื่อหรืออาจจะต้องไปเดินในหนทางที่ลำบากมากขึ้น ใครเล่าจะรู้
แต่สิ่งที่ผมรู้อย่างเด่นชัดอยู่ในใจ นี่เป็นอีกครั้งที่ผมไปรบกวนสัตว์ป่าในบ้านของพวกมัน
เกี่ยวกับผู้เขียน
ฉัตรพรรษ พงษ์เจริญ
แต่เดิมเป็นเด็กต่างจังหวัดจากภาคตะวันออก มุ่งมั่นเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยความสนใจส่วนตัวและถูกชักชวน จึงเลือกเข้าศึกษาในภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ สาขาวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าและทุ่งหญ้า ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้มีโอกาสช่วยเก็บข้อมูลงานวิจัยสัตว์ป่าในหลายพื้นที่ หลังจากสำเร็จการศึกษาได้รับคำแนะนำให้ไปศึกษาต่อยังสถาบันอื่น จึงได้เข้ามาศึกษาต่อ ณ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระดับปริญญาโทต่อมาถึงในระดับปริญญาเอก และยังคงมีสถานภาพเป็นนิสิตอยู่ในปัจจุบันขณะ
"เราพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย เพื่อที่สุดท้ายแล้วเราจะได้รู้ว่า แท้จริงแล้งเราไม่ได้รู้อะไรเลย"
พบกับบทความ “ฉัตรพรรษ พงษ์เจริญ” ได้ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน