สทป.ยกทัพสาธิต "อากาศยานไร้คนขับ" เผยศักยภาพครั้งแรก งัดโดรน 5 ระบบผลงานวิจัย สทป.พร้อมชิ้นงานภาคเอกชนโชว์แขก 100 หน่วยงาน แน่นค่ายธนะรัตน์ ประจวบฯ เร่งสร้างความร่วมมือหน่วยงานวิจัยอากาศยานไร้คนขับทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเปิดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการยกระดับงานวิจัยยุทธโธปกรณ์
สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการพร้อมโชว์ศักยภาพผลงานวิจัยด้านอากาศยานไร้คนขับแก่หน่วยงานภายในกระทรวงกลาโหม หน่วยงานเอกชนและภาคการศึกษากว่า 100 หน่วยงาน เมื่อวันที่ 16-17 ก.ค. 2558 ณ ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัตน์ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
พลเอกสมพงศ์ มุกดาสกุล ผู้อำนวยการ สทป. กล่าวว่า ระบบอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle : UAV) เป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญและมีความจำเป็นต่อการปฏิบัติภารกิจทางทหารในภารกิจลาดตระเวน การข่าว การเฝ้าระวัง ซึ่งในส่วนของประเทศไทยสทป.ก็ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้ปัจจุบันมีผลงานอากาศยานไร้คนขับจากการวิจัยและพัฒนาโดยบุคลากร สทป.ออกมาในหลายรูปแบบ เพื่อรองรับการภารกิจด้านทหารและด้านอื่นๆ ที่นิยมใช้ข้อมูลจากภาพภ่ายทางอากาศมากขึ้น
ผู้อำนวยการ สทป.เผยว่า ตลอด 5 ปีที่มีการก่อตั้ง สทป.ขึ้นมา ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาระบบอากาศยานไร้นักบินมาโดยตลอดและสำเร็จแล้วหลายโครงการ ทั้งที่เป็นผลงานของสทป.เอง และโครงการที่เกิดจากความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกกว่า 10 ระบบ ซึ่งผลงานที่นำมาให้ชมในโอกาสนี้เป็นผลงานที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองภารกิจกองทัพทั้งสิ้นได้แก่ ระบบอากาศยานไร้คนขับแบบปีกนิ่ง, ระบบอากาศยานไร้คนขับแบบขึ้นลงทางดิ่ง, ระบบอากาศยานไร้คนขับระยะกลาง, ระบบอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็ก แบบส่งขึ้นด้วยมือ และระบบอากาศยานไร้คนขับขึ้นลงทางดิ่งขนาดเล็กแบบมัลติโรเตอร์
"เราดำเนินงานด้านอากาศยานไร้คนขับหรือยูเอวีมาเป็นเวลา 4-5 ปีแล้ว เพราะความต้องการใช้ทางการทหาร รวมไปถึงภาคพลเรือนมีสูงขึ้น ยังจะเห็นได้จากไม่ว่าจะหน่วยงานไหนก็มีการใช้ยูเอวี โดยเฉพาะทางการทหารและการสำรวจภัยพิบัติที่ยากต่อการส่งบุคคลเข้าไปในพื้นที่ ด้วยเหตุนี้ สทป.จึงทุ่มงบประมาณกับบุคลากรและการวิจัยมากถึง 10 ล้านบาทต่อปี ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเพราะเราสามารถผลิตอากาศยานไร้คนขับต้นแบบตามที่กองทัพต้องการ และสามารถพัฒนาสมรรถนะให้มีขีดความสามารถที่สูงขึ้นจนเทียบเท่ากับอากาศยานไร้คนขับระดับโลกได้" ผู้อำนวยการ สทป. เผยแก่ทีมข่าวผู้จัดการวิทยาศาสตร์
ด้านนาวาอากาศโทพิทักษ์ ประกรแก้ว ผู้จัดการโครงการอากาศยานไร้คนขับ สทป.กล่าวว่า การจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ สทป.ได้ดำเนินการมาหลายครั้งแล้ว เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ไปสู่หน่วยงานอื่นที่เพิ่งริเริ่มการวิจัยอากาศยานไร้คนขับ และเพื่อเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหน่วยงานที่มีการพัฒนาและวิจัยตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้หน่วยงานต่างๆ เกิดการบูรณาการงานร่วมกัน โดยมี สทป.เป็นเจ้าภาพเพราะเป็นหน่วยงานวิจัยอาวุธยุทธโธปกรณ์ของประเทศ
ทว่าการสาธิตในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก เพราะข้อมูลของสมรรถนะทางอากาศยานไร้คนขับที่ผลิตขึ้น สำหรับงานทางกองทัพถูกจัดให้เป็นความลับทางราชการ การจัดแสดงสาธิตที่เปิดโอกาสให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชมในครั้งนี้จึงถือเป็นมิติใหม่สำหรับวงการอากาศยานไร้คนขับ และหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะกระตุ้นให้การวงการวิจัยและพัฒนาในประเทศไทยเกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไก และระบบอากาศยานไร้คนขับเดินหน้าได้เร็วยิ่งขึ้น
"วงการอากาศยานไร้คนขับของไทยถือว่าเดินหน้าไปมาก แต่ถ้าให้เทียบกับระดับโลกที่มีการซื้อขายเชิงพาณิชย์เรายังคงต้องยกให้กับสหรัฐฯ และอิสราเอล สำหรับอากาศยานไร้คนขับถือเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่ สทป.รับผิดชอบ และเราได้ดำเนินการพัฒนาจนสำเร็จแล้วถึง 5 ระบบ ระบบละ 2 ลำ ซึ่งมีการทดสอบและนำไปใช้จริงกับกองทัพแล้วถึง 4 ระบบยกเว้นอากาศยานแบบปีกนิ่งที่ยังอยู่ในขั้นการทดสอบ ที่จะแตกต่างกันออกไปทั้งในส่วนของขนาด น้ำหนัก รูปร่าง หน้าตา ตามวัตถุประสงค์ของภารกิจ ซึ่ง สทป.ยังคงเดินหน้าพัฒนาต่อและคาดว่าระบบอากาศยานไร้คนขับระบบที่ 6 และ 7 จะสำเร็จตามมาอีกไม่นานเกินรอ" ผู้จัดการโครงการ กล่าวแก่ทีมข่าวผู้จัดการวิทยาศาสตร์
