xs
xsm
sm
md
lg

SuperSci: ลาเต้แพลงก์ตอน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศรัณย์ อัศวานุชิต บาริสต้าผู้ผันตัวจากนักวิทยาศาสตร์มาสู่เจ้าของธุกิจร้านกาแฟ
สายๆ แบบนี้จิบกาแฟกันดีไหม? ... หลายคนคงคุ้นเคยกับกาแฟลาเต้อาร์ตที่เหล่าบาริสตาต่างโชว์ลีลาบรรเลงฟองนมบนแก้วกาแฟหอมกรุ่น ส่งความสุขให้เหล่าคอกาแฟได้ลิ้มรสสัมผัสกันอย่างรื่นรมย์กันเป็นอย่างดี ทั้งลายดอกไม้ ลายหัวใจ ลายหงส์ แต่ถ้าเป็นกาแฟลาเต้อาร์ตแบบวิทย์ๆ ล่ะจะหน้าตาเป็นอย่างไร ?
 


SuperSci สัปดาห์นี้พามาชมลายลาเต้อาร์ตแบบใหม่ ที่จะทำให้ทุกคนลืมลายฟองนมแบบเดิมๆ ไปถนัดตา กับบาริสต้าอดีตนักวิทย์ ที่จะมาเนรมิตฟองนมให้กลายเป็นเหล่า “แพลงก์ตอน” แต่ละแก้วจะเป็นอย่างไร? แพลงก์ตอนแต่ละตัวจะมีหน้าตาแบบไหน? ตามไปดูกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์กันเลย

ศรัณย์ อัศวานุชิต บาริสตาผู้ผันตัวจากนักวิทยาศาสตร์มาสู่เจ้าของธุกิจร้านกาแฟ เผยแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า ลาเต้อาร์ตลายแพลงก์ตอนที่เขาทำขึ้น เกิดจากความตั้งใจที่อยากจะนำสิ่งที่รักและสิ่งที่เรียนมารวมกันให้เป็นความสุขของผู้ดื่มกาแฟ

สำหรับศรัณย์ การทำอาชีพบาริสต้าคืองานบริการ และความสุขคือการได้เห็นรอยยิ้มลูกค้าเมื่อได้รับกาแฟจากมือของเขา ทว่าสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจกาแฟประสบความสำเร็จได้นั้นกลับไม่ใช่เพียงแค่การบริการ แต่เป็นคุณภาพของกาแฟ และเอกลักษณ์ของแต่ละร้าน ซึ่งเขาเลือกที่จะใช้ "แพลงก์ตอน"เป็นจุดขาย เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับตัวเอง
โคพีพอด ลาเต้แพลงก์ตอนลายแรกที่ศรัณย์เริ่มฝึกทำ
ศรัณย์ กล่าวว่า การทำลาเต้อาร์ตนั้น สิ่งสำคัญอยู่ที่เทคนิคของแต่ละบุคคล เพราะพื้นฐานการเทฟองนมของบาริสต้าทั่วทั้งโลกมีแค่แต่ 3 ลายปกติ คือ ลายทิวลิป ลายหัวใจ และลายใบไม้ ส่วนลายของใครจะแปลกแหวกแนวหรือสวยงามได้แค่ไหนอยู่ที่การฝึกฝน อดีตนักวิทย์อย่างเขาจึงนำสิ่งที่เคยอยู่ในสายเลือดอย่างแพลงก์ตอนสัตว์ที่มีชื่อว่า “โคพีพอด” มาประเดิมเป็นแพลงก์ตอนตัวแรกที่ได้แหวกว่ายอยู่บนแก้วกาแฟ

“ผมว่าคนรู้จักแพลงก์ตอนนะ แต่หาดูได้ยาก เพราะมันต้องส่องกล้องจุลทรรศน์ ยิ่งถ้าไม่ใช่คนในแวดวงด้วยยิ่งแล้วใหญ่ แต่มันคือสิ่งที่ผมคลุกคลีและเคยเรียนมา ผมเลย "ปิ๊ง" ไอเดียว่า สิ่งนี้แหละที่จะมาเป็นตัวแทนของผม"

ศรัณย์ เผยถึงความเป็นมาว่า เขาดัดแปลงการเทจากลายปกติปรับเปลี่ยนนิดหน่อย เพราะการเทฟองนมลาเต้อาร์ตเราจะเทเป็นชั้นๆ คล้ายกับแต่ละส่วนของแพลงก์ตอนพอดี นี่คือความแปลกใหม่ที่ลูกค้าจะได้รับ ซึ่งคนทั่วไปอาจจะงงนะว่านี่คือลายอะไร ถ้าอยากรู้เขาก็พร้อมจะช่วยอธิบายเป็นการให้ความรู้ไปในตัวด้วย

"แต่ถ้าเป็นคนที่รู้จักแพลงก์ตอน เขาจะเซอร์ไพรส์แล้วก็มีความสุขกับกาแฟแก้วนั้นมากๆ"

ศรัณย์โชว์การเทคนิคลาเต้อาร์ต พร้อมอธิบายถึงลักษณะคร่าวๆ ให้แก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ฟังอย่างใจเย็น เป็นแพลงก์ตอนทั้งหมด 6 ตัวที่เขาภูมิใจนำเสนอ

แก้วที่ 1
แพลงก์ตอนตัวนี้หน้าตาคล้ายแมลง เพราะนี่คืออ่อนของแมลงชีปะขาว (Mayfly Larvae) ที่เวลายังไม่โตเต็มวัยจะอาศัยอยู่ในน้ำเป็นแพลงก์ตอนสัตว์ และเป็นตัวที่ศรัณย์ชื่อชอบเป็นพิเศษเพราะทำง่ายที่สุด ใช้เทคนิคเทเป็นเกลียวคลื่น ก่อนจะเติมหัวลงไปหัวแล้วใช้วัสดุปลายแหลมเขียนลวดลาย  ชีปะขาวจะวางไข่ในแหล่งน้ำที่สะอาด คุณภาพดีเท่านั้น ศรัณย์จึงชอบทำลาเต้ลายนี้เพราะเหมือนว่าในแก้วกาแฟแก้วนั้นมีคุณภาพดี
แก้วที่ 2
พีดีแอสตรัม (Pediastrum sp.) เป็นแพลงก์ตอนพืช ที่พบในน้ำจืด มีลักษณะกลม มีแฉกรอบ ที่ศรัณย์เผยว่าจริง ๆ ตัวนี้ทำได้หลายเทคนิค แต่ด้วยเวลาที่จำกัดเลยใช้เทคนิคการวาดซอสคาราเมลบนโฟมนม ที่จริงแล้ว Pediastrum sp. มีรูปร่างที่หลายหลาย เป็นลักษณะอยู่กันแบบโคโลนี
แก้วที่ 3
โคพีพอด (Copepod) เป็นแพลงก์ตอนสัตว์ พบในน้ำจืดทั่วไป ตัวนี้ศรัณย์ระบุว่า เป็นแพลงก์ตอนตัวแรกที่เขาเริ่มฝึกทำเกิดจากการเลียนแบบลายหัวใจแล้วลากลายให้แปลกออกไป
แก้วที่ 4
ฟากัส (Phacus) ที่มีรูปร่างกลมเป็นชั้นคล้ายหัวหอมใหญ่ มีหาง เป็นสาหร่ายสีเขียวพบในน้ำจืด เป็นพวก ยูกลีนอย (Euglenoid)
แก้วที่ 5
 ยูรัสตรัม (Eustrum sp.) แพลงก์ตอนพืชจำพวกสาหร่ายสีเขียวเซลล์เดียว ที่พบในน้ำจืด มักอยู่แบบ semicell มีหลายรูปแบบขึ้นกับชนิด ลักษณะหลัก ๆ คือคล้ายใบโคลฟเวอร์ที่มีลักษณะเป็น 4 แฉก
แก้วที่ 6
แก้วนี้ไม่ใช่แพลงก์ตอน แต่เป็นสาหร่ายวากาเมะ ที่คนญี่ปุ่นและคนไทยนิยมรับประทานเป็นอาหาร
แก้วนี้ไม่ใช่แพลงก์ตอนเช่นกัน แต่เป็นสาหร่ายขนนก สาหร่ายสีเขียวน้ำเค็ม

นอกจากแพลงก์ตอนนานาชนิดที่ติดอยู่ในสายเลือดแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ศรัณย์ระบุว่าได้นำมาใช้กับการทำธุรกิจจริงๆ ก็คือ กระบวนการและวิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์ที่ติดตัวเขามา ที่ช่วยทำให้เขามองหลายๆ สิ่งได้ลึกกว่าคนอื่น และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

ศรัณย์ ยกตัวอย่างเช่น การตีฟองนม เขาจะมองลึกไปถึงการเอาฟองอากาศเข้าไปน้ำนม มองลักษณะการหมุนวนของน้ำ หรืออุณหภูมิที่เกิดขึ้น เข้าใจเทคนิคพิเศษ เช่น การใส่น้ำตาลลงไปในนมเล็กน้อยคนทั่วไปหรือบาริสต้าขึ้นไปจะมองแค่เพียงว่าทำให้หวานขึ้น แต่สำหรับเขาจะทราบว่าเกิดจากน้ำตาลแลกโทสถูกแยกออกเป็นโมเลกุลเดี่ยว ซึ่งกระบวนการคิดดังกล่าวทำให้การมองเรื่องพื้นๆ ทั่วไปของการทำกาแฟสำหรับเขาเป็นเรื่องพิเศษและมีเหตุผลในทุกๆ ส่วน

“การเรียนวิทยาศาสตร์ไม่ได้อยู่แค่เพียงในตำรา แต่คือการเรียนรู้ชีวิต สำหรับผมสิ่งสำคัญของการเรียนวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เพื่อทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่อยู่ที่ว่าจบมาแล้ว ยังอยากเอามาใช้อยู่ไหม ถ้ายังอยากก็ถือว่าการเรียนประสบความสำเร็จ” ศรัณย์ กล่าวทิ้งท้ายแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์







*******************************

ยาเคลือบอุปกรณ์การแพทย์ยับยั้งการเติบโตเชื้อโรคจากเทคโนโลยีบรรจุแคปซูลนาโนเพื่อควบคุมการปลดปล่อยยาเคลือบกำจัดเชื้อโรค 1 ในตัวอย่างวิศวกรรมชีวการแพทย์สุดล้ำผลงานนักศึกษาไทย อ่านต่อเพิ่มเติมคลิก www.manager.co.th/science #engineering #bioengineering #medicalengineering #medical #medical #innovation #project #undergrat #student #thailand #managersci #astvscience #sciencenews

A photo posted by AstvScience (@astvscience) on


กำลังโหลดความคิดเห็น