xs
xsm
sm
md
lg

รู้จัก “นกแต้วแร้วท้องดำ” ก่อนสูญพันธุ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นกแต้วแร้วท้องดำ (Black breasted pitta) เพศเมีย ภาพโดย นายเข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง ถ่ายเมื่อ เม.ย. 56
ทำความรู้จัก “นกแต้วแร้วท้องดำ” สัตว์ป่าสงวนชนิดล่าสุดที่กำลังจะถูกแขวนป้ายว่า “สูญพันธุ์” หลังไม่มีรายงานการค้นพบติดต่อกันหลายปี กับวัชระ สงวนสมบัติ นักปักษีวิทยา แห่ง อพวช.

นายวัชระ สงวนสมบัติ นักปักษีวิทยา องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) เผยว่า นกแต้วแร้วท้องดำ หรือ นกแต้วแล้วท้องดำ คือนกชนิดเดียวกัน สามารถเขียนได้ทั้ง 2 แบบ ชื่อว่าท้องดำเกิดจากสีของเส้นขนบริเวณส่วนอกตอนปลายและท้องของนกตัวผู้ซึ่งมีลักษณะเด่นจนผู้ค้นพบนำมาตั้งเป็นชื่อสามัญ

"นกแต้วแร้วท้องดำเป็นนกขนาดเล็ก ลำตัวสั้นป้อมยาวประมาณ 20 ซม. ตาสีดำโตใส ปากแหลมแต่สั้นเนื่องจากกินเมล็ดพืช แมลง และไส้เดือนเป็นอาหาร เป็นนกที่มีความสวยงาม มีสีสันจัดจ้านโดยเฉพาะตัวผู้ ที่จะมีทั้งขนสีดำ น้ำตาล เหลืองสด และน้ำเงินแซมอยู่เป็นสัดส่วน จึงไม่แปลกที่แต้วแร้วท้องดำจะเป็นขวัญใจของเหล่านักดูนก ที่ไม่ว่าใครหากได้เดินทางมาภาคใต้ของประเทศไทยก็ต้องมาแวะชมเผื่อจะได้พบกับเจ้าท้องดำนี้สักครั้ง" วัชระให้ข้อมูล

วัชระ อธิบายว่า นกทั้ง 2 เพศจะมีลักษณะคล้ายกันต่างที่สีขนและขนาดตัว นกตัวผู้จะมีสีสดส่วนหัวมีสีดำ กระหม่อมและท้ายทอยมีฟ้าน้ำเงิน คอมีสีเหลืองสด และบริเวณอกตอนล่างไปจนถึงท้องมีสีดำสนิท ลำตัวอ้อนสั้นในขณะที่ตัวเมียจะมีสีสดใสน้อยกว่า ส่วนหัวและหลังมีสีน้ำตาล ปลายหางมีสีฟ้า และไม่มีแถบสีดำบริเวณหน้าอกที่อาจทำให้สับสนได้ว่าเป็นนกชนิดอื่น ซึ่งในวงศ์ของนกแต้วแร้วเองก็มีด้วยกันหลายสายพันธุ์ อาทิ แต้วแร้วสีน้ำเงิน, แต้วแร้วเขียวเขมร หรือ แต้วแล้วลาย

นกแต้วแร้วท้องดำมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า พิตตา เจอนีอาย (Pitta gurneyi) มีชื่อสามัญภาษาอังกฤษว่า Gurney's Pitta หรือ Black-breasted Pitta เป็นสัตว์ป่าสงวนตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 เช่นเดียวกับ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร, แรด, กระซู่, กูปรีหรือโคไพร, ควายป่า, ละองหรือละมั่ง, เลียงผา, กวางผา, นกกระเรียน, แมวลายหินอ่อน, สมัน, สมเสร็จ, เก้งหม้อ และพะยูน

นกแต้วแร้วท้องดำออกไข่เพียงคราวละ 3-4 ฟองเท่านั้น กินแมลง ไส้เดือน และสัตว์มีกระดูกสันหลังเล็กๆ เป็นอาหาร มีอายุประมาณ 10 ปี ซึ่งวัชระระบุว่าา เป็นการประมาณโดยนักปักษีวิทยา ยังไม่มีผู้ใดทำการวิจัยโดยละเอียด และเป็นนกที่ต้องการพื้นที่ป่ามาก เพราะมักอยู่เป็นตัวเดี่ยวๆ มีอาณาเขตของตัวเอง เป็นนกประจำถิ่นไม่มีการอพยพ

นอกจากนี้ วัชระ ยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่า นกแต้วแร้วท้องดำมักสร้างรังอยู่บนต้นหวาย ต้นกะพ้อ และเถาวัลย์ มีการกระจายตัวอยู่บริเวณที่ราบต่ำมากๆ ขึ้นไปถึงที่ราบเชิงเขาที่ระดับความสูงไม่เกิน 200 เมตร หรือพื้นที่ป่าฟื้นตัวใหม่จากการแผ้วถางที่มีแหล่งน้ำและความชื้น พบที่ประเทศไทยและพม่าเท่านั้น ซึ่งในประเทศไทยคาดว่าพบได้เพียงแห่งเดียว คือ บริเวณป่าที่ราบต่ำเขานอจู้จี้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม จ.กระบี่

"ในช่วงปี 2556 สำรวจประชากรนกแต้วแร้วท้องดำได้ทั้งสิ้น 13 คู่ แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา กลับไม่มีใครพบนกแต้วแร้วท้องดำอีกเลย ซึ่งคาดว่าสาเหตุสำคัญมาจากการบุกรุกที่ป่าเพื่อทำสวนยาง และการท่องเที่ยวสระมรกตที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเกินไปจนทำให้เกิดความวุ่นวายเสียงดัง นกแต้วแร้วท้องดำจึงไม่อยู่ให้เราได้รู้จักอีกต่อไป” วัชระกล่าว

นกแต้วแร้วท้องดำเพศเมีย จะมีสีสันสดใสน้อยกว่าเพศผู้
นกแต้วแร้วท้องดำเพศเมีย ส่วนอกและท้องจะไม่มีสีดำเหมือนตัวผู้






*******************************


กำลังโหลดความคิดเห็น