xs
xsm
sm
md
lg

ไทย-อังกฤษลงขันพันล้านดันงานวิจัยสร้างเงินผ่าน "ความร่วมมือนิวตัน"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถ่ายภาพร่วมกัน
ไทย-อังกฤษ ลงขัน 1,000 ล้านบาท จับมือดันงานวิจัยสู่ภาคอุตสาหกรรม ผ่าน "กองทุนความร่วมมือนิวตัน" พร้อมลงนามความร่วมมือพัฒนากำลังคนแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เปิดตัวความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ผ่าน "กองทุนความร่วมมือนิวตัน ระหว่างประเทศไทย และสหราชอาณาจักร เพื่อการวิจัยและนวัตกรรม" (Newton UK - Thailand Research and Innovation Partnership Fund) ณ สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 58

ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กองทุนความร่วมมือนิวตัน ระหว่างประเทศไทย และสหราชอาณาจักร เพื่อการวิจัยและนวัตกรรม" (Newton UK - Thailand Research and Innovation Partnership Fund) เป็นโครงการสนับสนุนความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ ที่จะช่วยส่งเสริมให้งานวิจัยพื้นฐานก้าวสู่ภาคอุตสาหกรรม ที่เกิดขึ้นจากการหารือก่อนหน้าระหว่างเขา ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กับทางสหราชอาณาจักรที่อยากเห็นความร่วมมือ และความช่วยเหลือทางด้านวิทยาศาสตร์ในประเทศที่กำลังพัฒน ทั้งทางด้านกำลังคน องค์ความรู้ และงบสนับสนุนงานวิจัย

"โครงการความร่วมมือนิวตันนี้ จะเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศในปัจจุบัน ที่มุ่งเน้นทางด้านวิทยาศาสตร์เป็นหลัก เพราะสหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ในระดับสูงมาก ซึ่งผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือกับสหราชอาณาจักรในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับงานวิจัยของไทย ให้สามารถแข่งขันและเดินหน้าเข้าสู่การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมได้อย่างเต็มความสามารถ" รองนายกรัฐมนตรี กล่าวแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์

ด้าน มร.มาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า สหราชอาณาจักรและไทยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาเป็นเวลานาน การทำโครงการร่วมกันในครั้งนี้จะยิ่งเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

"ไทยเป็นประเทศที่มั่งคั่งทางเกษตรกรรม และมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในระดับดีอยู่แล้ว การเข้ามาช่วยเหลือด้วยกองทุนความร่วมมือนี้ก็จะยิ่งส่งเสริมให้งานวิจัยของไทยเดินหน้าไปสู่เป้าหมายได้เร็วขึ้น" เอกอัครราชทูตอังกฤษกล่าว

สำหรับโครงการความร่วมมือระหว่างสหราชอาณาจักรและประเทศไทยในครั้งนี้ สหราชอาณาจักรจะให้การสนับสนุนงบประมาณประมาณ 2 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี เป็นเวลา 5 ปีรวม 500 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 60% ของการลงทุนที่ประเทศไทยจะลงทุนเองอีก 40% ทำให้มีงบประมาณรวมที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่ายังจะให้การส่งเสริมและแลกเปลี่ยนทรัพยากรบุคลากรด้านการวิจัยระหว่าง 2 ประเทศให้มากขึ้นอีกด้วย เพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ของงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ และแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม

ในส่วนของ ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะมุ่งสร้างศักยภาพให้กับนักวิจัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานวิจัยทางด้านวิศวกรรม ด้านอาหาร และด้านสาธารณสุข แต่ยังขาดการคิดเพื่อต่อยอดไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม หรือกล่าวง่ายๆ คือทำงานวิจัยเป็นแต่นำมาปรับใช้ในเชิงพาณิชย์ยังไม่ได้ โดยจะมีนักวิจัยคนไทย 15 ท่านที่ได้รับการคัดเลือก ได้เข้าไปร่วมฝึกอบรมการวางแผนพัฒนาธุรกิจสำหรับนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะมีการอบรมหลักสูตร ณ สหราชอาณาจักร

ดร.พิเชฐ ระบุว่า สาขาความร่วมมือที่ฝ่ายสหราชอาณาจักรและไทยเห็นชอบใน การดำเนินการร่วมกันเป็นสาขาแรก ได้แก่ สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ โดยมีหน่วยงานหลักขับเคลื่อนโครงการ ได้แก่ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.),สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งในอนาคตจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการร่วมมากขึ้นทั้งในส่วนของ คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.), มหาวิทยาลัย รวมไปถึงบริษัทสัญชาติอังกฤษที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย

ศ.โรบิน ไกรม์ส ที่ปรึกษารัฐมนตรีอาวุโสด้านวิทยาศาสตร์ กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ กล่าวว่า โครงการนี้ไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่ได้รับทุนสนับสนุน ยังมีอีก 14 ประเทศในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก ที่อังกฤษให้ความช่วยเหลือ โดยจะมุ่งเป้างานวิจัย 5 ด้าน ได้แก่ ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพและชีวภาพ (Health and life sciences), ด้านสิ่งแวดล้อและพลังงาน (environment and energy), ด้านเมืองในอนาคต (Future cities), ด้านอุตสาหกรรมเกษตร (Agritech) และด้านนวัตกรรมดิจิทัล (Digital)

"การพัฒนาร่วมกันนี้จะอยู่ภายใต้ 3 ข้อหลัก คือ จะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านการวิจัย, การดำเนินโครงการวิจัยร่วมกัน และการแปลงผลงานวิจัยสู่การสร้างนวัตกรรม ที่เป็นปัจจัยหลักที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้งานวิจัยขายได้ เกิดเป็นการขับเคลื่อนประเทศด้วยงานวิจัยซึ่งจะให้ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน" ศ.โรบิน กล่าว

ทั้งนี้ ยังมีพิธีการลงนามความร่วมมือภายใต้เสาของการพัฒนากำลังคนด้วยหนึ่ง โครงการ (ชื่อโครงการ Leaders in Innovation Fellowship Programme) โดยเป็นการลงนามทวิภาคี ระหว่าง The Royal Academy of Engineering กับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และThe Royal Academy of Engineering กับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โดย ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ ศ.นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมลงนามในครั้งนี้ด้วย
มร. มาร์ค เคนท์ และ ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์
ศ. โรบิน ไกรม์ส และ ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์
การลงนามทวิภาคีระหว่าง ศ. โรบิน ไกรม์ส จาก The Royal Academy of Engineering และ ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผอ.สวทช.
การลงนามทวิภาคีระหว่าง ศ. โรบิน ไกรม์ส จาก The Royal Academy of Engineering และ ศ.นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผอ.สกว.






*******************************


กำลังโหลดความคิดเห็น