หลังจากกระแสการถ่ายภาพทางช้างเผือกที่กำลังเป็นที่นิยมของเหล่าช่างภาพแนว Landscape ซึ่งในเดือนตุลาคมนี้เป็นช่วงที่เราสามารถสังเกตเห็นใจกลางทางช้างเผือกได้ในช่วงหัวค่ำทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ แต่หลายคนก็กลับพบกับความผิดหวัง เนื่องจากท้องฟ้าในช่วงที่ไม่มีแสงดวงจันทร์รบกวนกลับมีเมฆจากผลกระทบของพายุ ทำให้อดถ่ายภาพทางช้างเผือกกันไปตามๆ กัน หลังจากพายุผ่านพ้นไปท้องฟ้าก็กลับมาใสเคลียร์ แต่ก็กลับมีแสงดวงจันทร์มารบกวนทำให้ยากแก่การถ่ายภาพทางช้างเผือก
หากเราลองมองกลับกันในการถ่ายภาพทางดาราศาสตร์นั้น หรือที่ผมเรียกว่าการถ่ายภาพแนว Skyscape ยังมีการถ่ายภาพเส้นแสงดาวที่น่าสนใจอีกแบบหนึ่ง หรือที่เราเรียกว่า Startrails นั่นเอง ซึ่งในคอลัมน์นี้ผมก็พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยจะแนะนำเทคนิคการถ่ายภาพเส้นแสงดาวในขณะที่มีแสงของดวงจันทร์อยู่ด้วยให้ได้ภาพออกมาสวยงาม
สำหรับการถ่ายภาพ Startrails นั้น ปกติเราจะคุ้นกับการต้องถ่ายในช่วงเวลาที่ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแสงรบกวน หากแต่วันนี้เราจะมาแหกกฎ เพื่อสร้างสรรค์ภาพแนวนี้ให้ดูมีสีสันมากขึ้น โดยการเลือกถ่าย Startrails ในวันที่มีแสงของดวงจันทร์ ช่วงประมาณข้างขึ้น 8 ค่ำ ซึ่งแสงดวงจันทร์ถือว่ามีความสว่างปานกลางไม่มากหรือน้อยไป โดยแสงของดวงจันทร์นี้เองที่จะช่วยทำให้ท้องฟ้าที่เป็นฉากหลังของดวงดาวมีสีสันออกมาทางสีฟ้า ช่วยให้ภาพ Startrails ของเรามีสีสันมากยิ่งขึ้น
การหาตำแหน่งดาวเหนือ
ในการถ่ายภาพ Startrails เพื่อให้ได้ภาพดาวจะเคลื่อนที่หมุนรอนรอบดาวเหนือเป็นวงกลม ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนที่ของดวงดาวที่เกิดจากการหมุนรอบตัวเองของโลก โดยการหันหน้ากล้องไปทางทิศเหนือ โดยการวางตำแหน่งดาวเหนือไว้กลางภาพ ซึ่งมีวิธีการหาตำแหน่งดาวเหนือดังนี้
สำหรับประเทศไทย ดาวเหนืออยู่สูงจากขอบฟ้าประมาณ 15 องศา
การหาตำแหน่งดาวเหนือจากกลุ่มดาวค้างคาว
สำหรับการหาตำแหน่งดาวเหนือนั้น สำหรับช่วงต้นฤดูหนาวเราจะใช้กลุ่มดาวค้างคาว(Cassiopeia) ในการอ้างอิง โดยกลุ่มดาวค้างคาว ประกอบด้วยดาวสว่าง 5 ดวง เรียงเป็นรูปตัว “M” ดังภาพตัวอย่าง
เทคนิคและวิธีการ
โดยในการถ่ายภาพ Startrails นั่นนอกจากเราจะให้ความสำคัญกับสีสันของเส้นดาวแล้ว ฉากหลังก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราน่าจะให้ความสำคัญ เพราะหากฉากหลังมืดดำสนิท ภาพก็อาจดูไม่มีสีสันมากนัก (ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ) ซึ่งแนวคิดของผมมองว่า การถ่ายภาพโดยใช้แสงดวงจันทร์มาช่วยเสริมสีสันของพื้นหลังภาพให้ได้แสงสีฟ้าให้กับภาพเส้นแสงดาวน่าจะช่วยให้ภาพของเรามีสีสันมากขึ้น ดังนั้นหากวันไหนที่มีท้องฟ้าใสเคลียร์เห็นแสงดาวได้ แต่มีแสงดวงจันทร์มากวนบ้างอาจลองถ่ายภาพ “เส้นแสงดาวใต้แสงจันทร์” กันดูได้นะครับ สำหรับเทคนิคและวิธีการถ่ายภาพก็ไม่มีอะไรมาก มาเริ่มกันเลยครับ
1. ตั้งโหมดการถ่ายภาพแบบต่อเนื่อง (Continuous) พร้อมกับต่อสายลั่นชัตเตอร์เพื่อใช้ในการถ่ายภาพ โดยควรใช้เวลาในการถ่ายภาพทั้งหมดรวมไม่ควรน้อยกว่า 3 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ภาพเส้นแสงดาวที่มีความยาวหมุนเป็นวงกลม
2. ปรับโหมดการถ่ายภาพแบบแมนนวล หรือโหมด M เพื่อให้สามารถตั้งค่ารูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์เองได้อิสระ
3. ตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ที่ 30 วินาที และเลือกค่ารูรับแสงประมาณ f/3.5 – f/5.6 เพื่อให้ได้แสงดาวที่มีความคมชัดและสว่างพอดี ไม่มากหรือไม่น้อยไป (***แต่สำหรับการถ่ายในสภาพที่ท้องฟ้ามีความมืดมากๆนั้น เราจะต้องใช้ค่ารูรับแสงกว้างที่สุด***)
4. เลือกใช้ความไวแสงประมาณ ISO:400 – ISO:500 ซึ่งเป็นค่าความไวแสงที่เหมาะสมกับการใช้ความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสง ดังที่กล่าวข้างต้น (***แต่สำหรับการถ่ายในสภาพที่ท้องฟ้ามีความมืดมากๆนั้น เราจะต้องใช้ค่าความไวแสงสูง ตั้งแต่ ISO:1600 ขึ้นไป***)
5. ปรับค่าไวท์บาลานซ์ หรืออุณหภูมิสี ที่ 3500 – 3700 เคลวิล เพื่อให้ได้ภาพที่มีสีท้องฟ้าออกทางสีฟ้า (ซึ่งหากเราใช้เป็นแบบ Auto WB ภาพที่ถ่ายจะมีสีออกแดง) หรืออาจเลือกใช้โหมดค่าไวท์บาลานซ์แบบ Fluorescent ก็ได้เช่นกัน
6. ปิดฟังชั่น Noise reduction เพื่อให้กล้องสามารถถ่ายภาพต่อเนื่อง และไม่ทำให้เส้นแสงดาวขาดหายไป
7. ปิดระบบออโต้โฟกัสและระบบกันสั่นของเลนส์ พร้อมกับปรับโฟกัสไปที่ระยะอินฟินิตี้ เพื่อให้ภาพชัดทั่วทั้งภาพ
8. หลังจากที่ถ่ายภาพดาวเสร็จแล้ว ให้ถ่ายภาพ Dark Frame ในทันทีเพื่อเป็นการควบคุมทั้งเรื่องอุณหภูมิ ค่าความไวแสงและเวลา ให้มีค่าเหมือนกัน จำนวนหลายๆ ภาพ เพื่อจะนำมาใช้ในการลบสัญญาณรบกวน
(***ภาพ Dark Frame คือ การถ่ายภาพมืดสนิทโดยปิดฝาหน้าเลนส์ไว้เพื่อให้กล้องไม่รับแสง ซึ่งถ่ายที่อุณหภูมิ ค่าความไวแสงและเวลา ให้มีค่าเหมือนกันกับภาพดาวทุกประการ***)
9. การบันทึกข้อมูลควรเลือกรูปแบบไฟล์เป็น RAW format เพื่อที่จะสามารถนำมาปรับเปลี่ยนแก้ไขภาพเพิ่มเติมในภายหลังได้อย่างยืดหยุ่นกว่าไฟล์แบบ JPEG
10. หลังจากที่ได้ภาพแสงดาวและภาพ Dark Frame แล้ว นำภาพทั้งหมดมาต่อกันด้วยโปรแกรม Startrails หรือ StarStax เพื่อให้ได้ภาพ Startrails ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://www.startrails.de/html/software.html และ http://www.markus-enzweiler.de/software/software.html
รายละเอียดการใช้โปรแกรมสามารถดูได้ที่บทความ “การถ่ายภาพเส้นแสงดาว (Star Trails) ตอนที่ 2” ตามลิงค์ http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9550000020698
ดังนั้น ช่วงนี้ระหว่างรอให้ดวงจันทร์เป็นช่วงข้างแรม หรือช่วงเดือนมืดเพื่อจะกลับมาถ่ายทางช้างเผือกกัน ก็ลองหันมาถ่ายภาพเส้นแสงดาวกับแสงจันทร์กันดูก่อนได้นะครับ สำหรับเทคนิคนี้อยากให้นำไปลองถ่ายกัน รับรองว่าภาพถ่ายแสงดาวของคุณจะดูมีสีสันอย่างแน่นอนครับ
เกี่ยวกับผู้เขียน
ศุภฤกษ์ คฤหานนท์
สำเร็จการศึกษาครุศาสตรบัณฑิต สาขาฟิสิกส์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีและการสื่อสาร จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่สารสนเทศทางดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร., เคยทำวิจัยเรื่อง การทดสอบค่าทัศนวิสัยท้องฟ้าบริเวณสถานที่ก่อสร้างหอดูดาวแห่งชาติ มีประสบการณ์ในฐานะวิทยากรอบรมการดูดาวเบื้องต้น และเป็นวิทยากรสอนการถ่ายภาพดาราศาสตร์ในโครงการประกวดภาพถ่ายดาราศาสตร์ ประจำปี 2554 ของ สดร.ในหัวข้อ “มหัศจรรย์ภาพถ่ายดาราศาสตร์ในเมืองไทย”
“คุณค่าของภาพถ่ายนั้นไม่เพียงแต่ให้ความงามด้านศิลปะ แต่ทุกภาพยังสามารถอธิบายด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ได้อีกด้วย”
อ่านบทความ ศุภฤกษ์ คฤหานนท์ ทุกวันจันทร์ที่ 1 และ 3 ของเดือน