นักฟิสิกส์เลื่องชื่อ “สตีเฟน ฮอว์กิง” ที่มีชีวิตอยู่บนรถเข็นอัจฉริยะหนุนแนวคิดการช่วยเหลือผู้ป่วยให้จบชีวิตตัวเองจากการเจ็บป่วยที่ไร้หนทางเยียวยา แต่ต้องมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการนำช่องโหว่ไปใช้กระทำผิด
“เราไม่ปล่อยให้สัตว์ทรมาน แล้วกับมนุษย์ล่ะ?” ศ.สตีเฟน ฮอว์กิง (Prof Stephen Hawking) ให้สัมภาษณ์แก่บีบีซี
บีบีซีนิวส์ระบุว่า แสดงความเห็นอ้อมๆ ว่า “เมื่อมีชีวิตก็ย่อมมีหวัง” ทว่ารายงานล่าสุดระบุว่า เขาหนุนแนวคิดช่วยการทำอัตวินิบาตกรรมแก่ผู้ป่วยที่ไร้หนทางเยียวยา แต่เน้นว่าจะต้องมีมาตรการปกป้องการกระทำผิดด้วย
ครั้งหนึ่ง ศ.ฮอว์กิง เองก็เคยอยู่ได้ด้วยอุปกรณ์ช่วยพยุงชีวิต ซึ่งภรรยาของเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจว่าจะปิดเครื่องช่วยชีวิตนั้นหรือไม่
กลับมาที่การสัมภาษณ์แก่บีบีซี เมื่อเขาถูกตั้งคำถามว่า สมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยที่ประสงค์จะตายนั้น ควรมีสิทธิที่จะช่วยเหลือในการปลิดชีวิตผู้ป่วยโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมายหรือไม่ เขาตอบว่า “ใช่” แต่เสริมว่า
“จะต้องมีมาตรการปกป้องแก่ผู้ที่ต้องการจะจบชีวิตตัวเองว่าเป็นความต้องการของพวกเขาโดยแท้จริง และไม่ได้ถูกกดดันให้ทำ หรือถูกทำโดยที่พวกเขาไม่รับรู้ หรือต้องมีหนังสืออนุญาต อย่างกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับผม” ฮอว์กิงในวัย 71 ปีให้ความเห็น
ฮอว์กิงเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ผู้โด่งดัง และนอกจากเกียรติยศในด้านวิชาการแล้ว เขายังเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ที่ป่วยด้วยโรคประสาทควบคุมการเคลื่อนไหวผิดปกติ (motor neurone disease) ที่ค่อยๆ กัดกินความสามารถในการควบคุมร่างกายตัวเองทีละน้อย เขาแต่งงานและใช้ชีวิต 2 ปีกับ เจน (Jane) ภรรยาคนแรกที่เขาแต่งงานด้วยเมื่อปี 1964
ทั้งนี้ มีผู้ป่วยโรคประสาทควบคุมการเคลื่อนไหวผิดปกติประเภทเอแอลเอส (amyotrophic lateral sclerosis (ALS) หรือโรคลูเกห์ริกส์ (Lou Gehrig's disease) แบบที่ฮอว์กิงเป็นนี้ รอดชีวิตเพียง 5% แต่สำหรับเขากลับมีชีวิตอยู่มาได้หลายสิบปีนับแต่ได้รับการวินิจฉัย
