เปิดตัว "สถาบันจีโนม" หวังเปิดทางให้นักวิจัยไทยสร้างผลงานเด่นจากดีเอ็นเอ

ไบโอเทคทุ่มงบกว่า 100 ล้าน จัดตั้งสถาบันจีโนมแห่งแรกในประเทศ หวังเพิ่มโอกาสให้นักวิจัยไทยสร้างผลงานเด่น จากการศึกษาลงลึกถึงดีเอ็นเอสิ่งมีชีวิต เบื้องต้นวิจัยจีโนมปาล์มน้ำมัน สไปรูไลนา ไว้ปรับปรุงพันธุ์สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศ ผอ.สถาบัน เผยรัฐยังให้งบวิจัยด้านจีโนมน้อย อนาคตอยากผลักดันให้เป็นสถาบันอิสระทัดเทียมของต่างชาติ

ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) จัดงานเปิดตัวสถาบันจีโนม (Genome Institute) อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 มี.ค.52 ภายในงานประชุมวิชาการประจำปี 2552 สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) และมีการจัดสัมมนาความก้าวหน้าและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีจีโอมิกส์ โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านจีโนมิกส์จากนานาประเทศ

ดร.สมวงษ์ ตระกูลรุ่ง ผู้อำนวยการสถาบันจีโนม เปิดเผยกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านจีโนมิกส์ โปรตีโอมิกส์ และไบโออินฟอร์เมติกส์ ก้าวหน้าไปไกลมาก ซึ่งการจัดตั้งสถาบันจีโนมที่มีความพร้อมของเทคโนโลยีในด้านนี้ขึ้นในประเทศไทย จะช่วยเพิ่มโอกาสให้นักวิจัยไทยได้พัฒนาผลงานวิจัยที่มีประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้น

"ในเบื้องต้นอยากเผยแพร่เทคโนโลยีด้านนี้ให้คนไทยรู้จักมากขึ้น และอยากให้นักวิจัยไทยมาใช้ประโยชน์ที่สถาบันจีโนมกันให้มากๆ ซึ่งเรามีเครื่องมือพร้อม และทันสมัย ซึ่งแม้อาจยังไม่เท่ากับสถาบันจีโนมในหลายประเทศ แต่ความสามารถของนักวิจัยไทยเรามีมาก และมีโอกาสพัฒนางานวิจัยได้ทัดเทียมกับต่างชาติได้" ดร.สมวงษ์ กล่าว ซึ่งภารกิจหลักของสถาบันจีโนมคือการวิจัยและให้บริการด้านจีโนมิกส์ โดยปัจจุบันมีนักวิจัย 6 คน และผู้ช่วยนักวิจัยอีกกว่า 20 คน

ทั้งนี้ ก่อนจัดตั้งเป็นสถาบันจีโนม ไบโอเทคได้เปิดเป็นศูนย์จีโนมมาก่อนแล้วประมาณ 1 ปีกว่า โดยลงทุนด้านเครื่องมือวิจัยไปประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งก็มีผลการศึกษาวิจัยของสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดแล้ว เช่น ปาล์มน้ำมัน สาหร่ายสไปรูไลนา มันสำปะหลัง เชื้อโรคไข้เลือดออก และได้ข้อมูลดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิตดังกล่าวที่เป็นประโยชน์มากในการปรับปรุงพันธุ์พืช และการวินิจฉัยทางการแพทย์

อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการสถาบันจีโนมกล่าวด้วยว่าประเทศไทยยังให้การสนับสนุนในด้านจีโนมิกส์น้อยมาก ทำให้นักวิจัยไทยยังขาดทุนวิจัยพัฒนาในด้านนี้ ซึ่งในหลายประเทศให้ความสำคัญกับสถาบันจีโนมอย่างมากจนถึงกับจัดตั้งให้เป็นสถาบันแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลไทยก็น่าจะสนับสนุนให้สถาบันจีโนมเป็นสถาบันอิสระด้วยเช่นกัน ซึ่ง ดร.สมวงษ์ ก็คาดหวังและตั้งเป้าไว้ว่าจะพยายามผลักดันให้สถาบันจีโนมสร้างผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติให้ได้มาก จนสามารถแยกตัวออกมาเป็นสถาบันวิจัยอิสระอีกแห่งหนึ่งได้ในอนาคต