ทั้งดาร์วินและกับตันฟิตซ์รอย คงไม่คาดคิดว่าการออกเดินทางของเรือบีเกิลเมื่อ 178 ปีก่อน จะนำความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง มาสู่มวลมนุษย์ในกาลต่อมา แต่กว่าดาร์วินจะเดินทางไปถึงกาลาปากอส เพื่อค้นพบความลับของวิวัฒนาการ ในช่วงท้ายๆ ของการเดินทาง เรือบีเกิลนำพาดาร์วินสำรวจถิ่นที่ใดบ้าง ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ชวนย้อนรอยไปกับการเดินทางของเรือบีเกิล
เรือหลวงบีเกิล (HMS Beagle) เรือแห่งประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่นำพาให้ "ชาร์ลส์ ดาร์วิน" (Charles Darwin) นักธรรมชาติวิทยาหนุ่มชาวอังกฤษ ได้ค้นพบความจริงในธรรมชาติที่ว่า สรรพชีวิตล้วนมีวิวัฒนาการ และเกิดขึ้นมายาวนานกว่าที่เราเคยเชื่อถือกัน และตำนานแห่งเรือบีเกิล กำลังจะถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งโดย "เอชเอ็มเอส บีเกิล ทรัสต์" (HMS Beagle Trust) แต่ก่อนที่เรือบีเกิลจำลองขนาดเท่าของจริงจะออกเดินทางในไม่ช้านี้ ทีมข่าว "วิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์" จะพาย้อนกลับไปสำรวจเส้นทางประวัติศาสตร์เมื่อเกือบสองศตวรรษมาแล้ว
ก่อนที่เรือบีเกิลจะพาดาร์วินเดินทางสำรวจรอบโลกนั้น เรือบีเกิลได้ถูกสร้างขึ้นมาและปล่อยลงน้ำครั้งแรกในปี พ.ศ.2363 โดยมีภารกิจแรกสุดคือ การเข้าร่วมในขบวนเรือเฉลิมฉลองการเปิดสะพานลอนดอน (London Brigde) และหลังจากนั้นก็ออกเดินทางผจญคลื่นลมในทะเลทั่วโลกนานกว่า 25 ปี ซึ่งมีการเดินทางครั้งสำคัญๆ รวม 3 ครั้งด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือการเดินทางรอบโลกและมีดาร์วินร่วมทางไปด้วย โดยมีโรเบิร์ต ฟิตซ์รอย (Robert Fritzroy) เป็นกัปตัน (ดาร์วินกับทฤษฎีวิวัฒนาการ, ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์)
การเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ของเรือบีเกิลและดาร์วิน เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2374 โดยออกเดินทางจากอ่าวพลีมัธ (Plymouth harbor) ประเทศอังกฤษ และเดินทางไปตามเส้นทางต่างๆ ดังนี้
4 ม.ค. 2375 เรือบีเกิลเดินทางถึงเกาะมาเดรา (Madeira Island) ดินแดนปกครองตนเองของโปรตุเกส เป็นแห่งแรก และอีกสองวันถัดมา ก็เทียบจอดที่ท่าเรือซานตาครูซ (Santa Cruz) เกาะเทเนรีฟ (Tenerife Island)
16 ม.ค. 2375 เดินทางถึงหมู่เกาะเคปเวิร์ด (Cape Verde Islands) โดยเทียบจอดบริเวณอ่าวเปอร์โต ปาร์ยา (Porto Praya) เกาะซานติเอโก (Santiago) ระหว่างนั้นดาร์วินก็ใช้เวลาสำรวจธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตรอบๆ เกาะนานหลายสัปดาห์ จนกระทั่งวันที่ 7 ก.พ. กัปตันฟิตซ์รอยก็นำเรือบีเกิลและคณะมุ่งหน้าสู่บราซิล
20 ก.พ. 2375 เดินทางถึงเกาะเฟอร์นันโด เดอ โนรอนฮา (Fernando de Noronha) ทางชายฝั่งตะวันออกของบราซิล
28 ก.พ. 2375 ถึงซัลวาดอร์ (Salvador) ประเทศบราซิล ซึ่งที่นี่ดาร์วินได้มีโอกาสเดินเท้าเข้าไปสำรวจป่าฝนเขตร้อนเป็นระยะทางไม่น้อย และได้บันทึกความงามของป่าธรรมชาติแห่งนี้ไว้ด้วย และออกจากซัลวาดอร์ในวันที่ 18 มี.ค.
3 เม.ย. 2375 ถึงเมืองริโอ เดอ จาเนโร (Rio de Janeiro) บราซิล และดาร์วินก็ไม่พลาดที่จะสำรวจป่าบราซิลอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาเก็บตัวอย่างพืช สัตว์ และแมลงได้มากมาย กระทั่ง 5 ก.ค. เรือบีเกิลจึงหันหัวออกจากบราซิล มุ่งหน้าสู่อุรุกวัย
26 ก.ค. 2375 ถึงเมืองมอนเตวิเดโอ (Montevideo) ประเทศอุรุกวัย ซึ่งระหว่างอยู่ที่มอนเตวิเดโอ ดาร์วินได้รวมรวมตัวอย่างสิ่งมีชีวิตที่เขาเก็บสะสมไว้ รวมทั้งก้อนหินแปลกประหลาดบางส่วนเพื่อส่งกลับไปให้อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเครมบริดจ์ช่วยวิเคราะห์ตรวจสอบ พอเข้าสู่ช่วงปลายเดือน ส.ค. คณะเรือบีเกิลก็ออกเดินทางสำรวจชายฝั่งอเมริกาใต้เรื่อยไป
ต้นเดือน ก.ย. 2375 ถึงบาเอีย บลังกา (Bahia Blanca) อาร์เจนตินา โดยดาร์วินสำรวจและค้นพบฟอสซิลของสัตว์หลายชนิดในแถบปาตาโกเนีย (Patagonia) และปุนตาอัลตา (Punta Alta) เช่น สัตว์ฟันแทะขนาดใหญ่ สลอทยักษ์ อมาดิลโล คณะของเรือบีเกิลสำรวจชายฝั่งอาร์เจนตินาอยู่นานหลายสัปดาห์และวกกลับไปถึงมอนเตวิเดโออีกครั้ง และออกจากที่นั่นวันที่ 27 พ.ย.
18 ธ.ค. 2375 เรือบีเกิลเล่นผ่านแหลมซานดิเอโก (Cape San Diego) ระหว่างนั้นแวะสำรวจที่อ่าวกูดซัคเซส (Good Success Bay) และออกเดินทางต่อผ่านแหลมดีไซต์ (Cape Deceit ) แหลมฮอร์น (Cape Horn) จนถึงเทียรา เดล ฟูเอโก (Tierra del Fuego) อาร์เจนตินา และสำรวจเกาะต่างๆ บริเวณนั้นนานหลายาเดือน
1 มี.ค. 2376 ถึงเกาะฟอล์คแลน (Falkland Islands) และได้ย้อนเส้นทางเดินเรือกลับไปยังอาร์เจนตินาอีกครั้งที่เมืองริโอเนโกร (Rio Negro) และเดินทางต่อไปถึงเมืองมัลโดนาโด (Maldonado) จนถึงมอนเตวิเดโอ และใช้เวลาสำรวจพื้นที่ชายฝั่งอเมริกาใต้ฝั่งตะวันออกอยู่นานข้ามปี
11 มิ.ย. 2377 เรือบีเกิลเดินทางข้ามจากอเมริกาใต้ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกมายังฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
12 มิ.ย. 2377 ถึงเกาะชิโล (Chiloe) ประเทศชิลี และใช้เวลาสำรวจเมืองต่างๆของชิลีและเปรู รวมทั้งเทือกเขาแอนดีส นานข้ามปี
7 ก.ย. 2378 เรือบีเกิลออกจากเมืองคัลลัว (Callao) เปรู มุ่งหน้าไปยังหมู่เกาะกาลาปากอส ประเทศเอกวาดอร์ เพียงไม่กี่วันก็ถึงจุดหมาย และใช้เวลาสำรวจหมู่เกาะกาลาปากอสอยู่ประมาณเดือนกว่า ที่นี่เองที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ดาร์วินเป็นอย่างมาก และช่วยให้ดาร์วินเข้าใกล้ทฤษฎีวิวัฒนาการมากขึ้น จนกระทั่งปลายเดือน ต.ค. 2378 จึงออกเดินทางต่อมุ่งหน้าไปในมหาสมุทรแปซิฟิก
15 พ.ย. 2378 ถึงเกาะตาฮิติ (Tahiti) 26 พ.ย. จึงออกเดินทางต่อไปยังนิวซีแลนด์
21 ธ.ค. 2378 ถึงนิวซีแลนด์ และสำรวจที่นั่นจนถึง 30 ธ.ค. จึงมุ่งหน้าสู่ออสเตรเลีย
12 ม.ค. 2379 ถึงเมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย สำรวจเกาะต่างๆ ของออสเตรเลีย รวมทั้งทัสมาเนีย และมุ่งหน้าเข้าสู่มหาสมุทรอินเดีย แวะตามเกาะต่างๆ ผ่านเกาะมาดากัสการ์เพื่อไปแอฟริกา
31 พ.ค. 2379 ถึงเคปทาวน์ (Cape Town) ในแอฟริกาใต้
8 ก.ค. 2379 ถึงเกาะเซนต์เฮเลนา (St. Helena Island)
19 ก.ค. 2379 ถึงเกาะแอสเซนชัน (Ascension Island) หลังจากนั้นมุ่งหน้าสู่อเมริกาใต้อีกครั้ง
1 ส.ค. 2379 ถึงเมืองบาเอีย เดอ ลอส ซานโตส (Bahia de los Santos) บราซิล และดาร์วินก็ไม่พลาดที่จะสำรวจป่าบราซิลอีกครั้ง
17 ส.ค. 2379 เรือบีเกิลออกจากบราซิล มุ่งหน้าสู่มาตุภูมิ ระหว่างนั้นแวะพักตามเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรแอตแลนติก
2 ต.ค. 2379 สิ้นสุดการเดินทางรอบโลกอันยาวนานเมื่อเรือบีเกิลนำพาดาร์วินและคณะมาถึงท่าเรือเมืองฟอลมัธ (Falmouth) สหราชอาณาจักร ในช่วงเช้าของวันนั้น หลังจากออกไปผจญโลกกว้างเป็นเวลา 4 ปี 9 เดือน และอีก 5 วัน