ASTVผู้จัดการ - สิ่งมีชีวิตชนิดแรกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ยังไม่มีใครตอบได้แน่ชัด แต่สิ่งที่เป็นตัวกำหนดให้สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดดำรงอยู่ได้หรือไม่ มีคำตอบอยู่แล้วใน "ทฤษฎีวิวัฒนาการ" และผู้ที่ให้นิยามของทฤษฎีนี้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดคนแรกคือ "ชาร์ลส์ ดาร์วิน" ผู้เปลี่ยนแนวความคิดเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตบนโลกไปตลอดกาล
วันนี้ (12 ก.พ.) เมื่อ 200 ปีก่อน "ชาร์ลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน" (Charles Robert Darwin) ถือกำเนิดขึ้นในครอบครัวผู้ดีมีเงินในเมืองชรูว์สเบอรี ทางตะวันตกของประเทศอังกฤษ ทั้งปู่และบิดาของเขา เป็นแพทย์ผู้มีชื่อเสียง ต้องการให้ดาร์วินน้อยดำเนินรอยตาม จึงส่งไปเรียนด้านการแพทย์ที่มหาวิทยาลัยเอดินบะระ สกอตแลนด์
ทว่าเมื่อดาร์วินได้ดูการสาธิตวิธีการผ่าตัดเป็นครั้งแรก ถึงกับเกิดจะเป็นลม จึงล้มเลิกที่จะเรียนแพทย์ต่อไป และเปลี่ยนแนวไปศึกษาด้านเทววิทยา ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นบาทหลวง แต่เขาก็ให้ความสนใจทางด้านธรณีวิทยาและพฤกษศาสตร์ มากกว่าสิ่งที่ตนกำลังเรียนอยู่
เมื่ออาจารย์เห็นพรสวรรค์ของดาร์วินทางด้านนี้ จึงแนะนำเขาให้รู้จักกับกัปตันโรเบิร์ต ฟิตซ์รอย (Robert Fitzroy) นั่นทำให้ดาร์วินได้ร่วมคณะเดินทางสำรวจรอบโลกกับเรือหลวงบีเกิล (HMS Beagle) แห่งสหราชอาณาจักร ในฐานะนักธรรมชาติวิทยา เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 1831 ขณะที่เขามีอายุเพียง 22 ปี
ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปี ของการเดินทาง ดาร์วินสังเกตเห็นความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ โดยเฉพาะที่หมู่เกาะกาลาปากอส ประเทศเอกวาดอร์ ที่มีสิ่งมีชีวิตรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดกว่าที่อื่น และมีลักษณะเฉพาะตัวแตกต่างกันไป ตามสภาพแวดล้อมของแต่ละเกาะ
ดาร์วินบันทึกสิ่งต่างๆ ที่เขาพบเห็นตลอดการเดินทางกว่า 770 หน้า และค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมอีกกว่า 20 ปี จนได้ข้อสรุปของ "ทฤษฎีวิวัฒนาการ" (theory of evolution) และตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือ "ออน ดิ ออริจิน ออฟ สปีชีส์" (On the Origin of Species) ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 1859 มีสาระสำคัญว่าสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด แตกต่างกันโดยการคัดสรรตามธรรมชาติ (Natural selection) สิ่งมีชีวิตใดปรับตัวเข้ากับธรรมชาติได้ก็มีโอกาสดำรงชีวิตอยู่และขยายเผ่าพันธุ์ต่อไปได้ ส่วนสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถปรับตัวได้ก็จะค่อยๆ สูญพันธุ์ไป
“ออน ดิ ออริจิน ออฟ สปีชีส์” ฉบับแรกของดาร์วิน จำนวน 1,500 เล่ม หมดเกลี้ยงแผงภายในวันเดียว จากนั้นเกิดการโต้เถียงกันอย่างกว้างขวางต่อแนวคิดของเขา ส่วนตัวดาร์วินก็ถูกโจมตีอย่างหนัก จากผู้ที่เชื่อมั่นว่า "พระเจ้า" เป็นผู้สร้างสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ดาร์วินจึงถูกกล่าวหาว่าเป็นคนนอกศาสนา พร้อมกับคำพูดดูถูกเหยียดหยามอย่างรุนแรง
แม้กระทั่งในปัจจุบัน แนวคิดของดาร์วินได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ก็ยังมีผู้ต่อต้านอยู่บางส่วน ดังที่โรงเรียนหรือวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา ห้ามมิให้สอนเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการ แต่แทนด้วยเรื่องการออกแบบอันชาญฉลาด (intelligent design) อันเป็นชื่อใหม่ของแนวคิด “พระเจ้าผู้สร้าง” (creationism)
ดาร์วินจบชีวิตลงเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 1882 ด้วยวัย 73 ปี อย่างไม่เป็นสุขเท่าใดนัก กว่าที่ฝ่ายศาสนาจะยอมรับก็ปาเข้าไปเกือบ 200 ปี โดยเมื่อ ก.ย.2008 ที่ผ่านมานี้ Church of England ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษดาร์วินอย่างเป็นทางการ ที่เข้าใจเขาผิด พร้อมๆ กับวาติกันก็ปฏิเสธว่า ไม่เคยกล่าวหา "ทฤษฎีวิวัฒนาการ" พร้อมทั้งได้ประชุมเรื่อง "วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต" ที่กรุงโรมอีกด้วย
ดาร์วินอาจไม่ใช่คนแรก ที่มีแนวคิดเรื่องวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต แต่เขาเป็นคนแรกที่อธิบายเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด โดยที่ยังไม่มีศาสตร์ด้านพันธุกรรม และทฤษฎีของเขาก็เป็นแรงบันดาลใจ ให้เกิดการค้นพบสิ่งใหม่ในเวลาต่อมา รวมถึงยีนและดีเอ็นเอ ที่ช่วยอธิบายเรื่องของวิวัฒนาการได้ชัดแจ้งมากยิ่งขึ้น ผลงานของเขาจึงได้รับยกย่องให้เป็นหัวใจสำคัญของการศึกษาชีววิทยาสมัยใหม่
ในโอกาสที่ปีนี้ครบรอบ 200 ปี วันคล้ายวันเกิดของดาร์วิน ผู้ที่ได้รับยกย่องว่าเป็น "บิดาแห่งวิวัฒนาการ" สถาบันและองค์กรต่างๆ ทั่วโลกจึงพร้อมใจกันจัดงานเฉลิมฉลองและเชิดชูเกียรติให้เขาตลอดทั้งปี แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้น ที่บ้านเกิดของดาร์วิน นอกจากจัดแสดงนิทรรศการชีวิตและผลงานของเขาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทางโรงกษาปณ์หลวงแห่งอังกฤษ ยังได้จัดทำเหรียญราคา 2 ปอนด์ สลักรูปดาร์วินและลิงหันหน้าเข้าหากัน เป็นที่ระลึกในวาระครบรอบ 200 ปีชาตกาลของดาร์วิน และ 150 ปี “ออน ดิ ออริจิน ออฟ สปีชีส์” หนังสือที่สั่นสะเทือนวงการชีววิทยาไปตลอดกาล
วันนี้ (12 ก.พ.) เมื่อ 200 ปีก่อน "ชาร์ลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน" (Charles Robert Darwin) ถือกำเนิดขึ้นในครอบครัวผู้ดีมีเงินในเมืองชรูว์สเบอรี ทางตะวันตกของประเทศอังกฤษ ทั้งปู่และบิดาของเขา เป็นแพทย์ผู้มีชื่อเสียง ต้องการให้ดาร์วินน้อยดำเนินรอยตาม จึงส่งไปเรียนด้านการแพทย์ที่มหาวิทยาลัยเอดินบะระ สกอตแลนด์
ทว่าเมื่อดาร์วินได้ดูการสาธิตวิธีการผ่าตัดเป็นครั้งแรก ถึงกับเกิดจะเป็นลม จึงล้มเลิกที่จะเรียนแพทย์ต่อไป และเปลี่ยนแนวไปศึกษาด้านเทววิทยา ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นบาทหลวง แต่เขาก็ให้ความสนใจทางด้านธรณีวิทยาและพฤกษศาสตร์ มากกว่าสิ่งที่ตนกำลังเรียนอยู่
เมื่ออาจารย์เห็นพรสวรรค์ของดาร์วินทางด้านนี้ จึงแนะนำเขาให้รู้จักกับกัปตันโรเบิร์ต ฟิตซ์รอย (Robert Fitzroy) นั่นทำให้ดาร์วินได้ร่วมคณะเดินทางสำรวจรอบโลกกับเรือหลวงบีเกิล (HMS Beagle) แห่งสหราชอาณาจักร ในฐานะนักธรรมชาติวิทยา เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 1831 ขณะที่เขามีอายุเพียง 22 ปี
ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปี ของการเดินทาง ดาร์วินสังเกตเห็นความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ โดยเฉพาะที่หมู่เกาะกาลาปากอส ประเทศเอกวาดอร์ ที่มีสิ่งมีชีวิตรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดกว่าที่อื่น และมีลักษณะเฉพาะตัวแตกต่างกันไป ตามสภาพแวดล้อมของแต่ละเกาะ
ดาร์วินบันทึกสิ่งต่างๆ ที่เขาพบเห็นตลอดการเดินทางกว่า 770 หน้า และค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมอีกกว่า 20 ปี จนได้ข้อสรุปของ "ทฤษฎีวิวัฒนาการ" (theory of evolution) และตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือ "ออน ดิ ออริจิน ออฟ สปีชีส์" (On the Origin of Species) ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 1859 มีสาระสำคัญว่าสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด แตกต่างกันโดยการคัดสรรตามธรรมชาติ (Natural selection) สิ่งมีชีวิตใดปรับตัวเข้ากับธรรมชาติได้ก็มีโอกาสดำรงชีวิตอยู่และขยายเผ่าพันธุ์ต่อไปได้ ส่วนสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถปรับตัวได้ก็จะค่อยๆ สูญพันธุ์ไป
“ออน ดิ ออริจิน ออฟ สปีชีส์” ฉบับแรกของดาร์วิน จำนวน 1,500 เล่ม หมดเกลี้ยงแผงภายในวันเดียว จากนั้นเกิดการโต้เถียงกันอย่างกว้างขวางต่อแนวคิดของเขา ส่วนตัวดาร์วินก็ถูกโจมตีอย่างหนัก จากผู้ที่เชื่อมั่นว่า "พระเจ้า" เป็นผู้สร้างสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ดาร์วินจึงถูกกล่าวหาว่าเป็นคนนอกศาสนา พร้อมกับคำพูดดูถูกเหยียดหยามอย่างรุนแรง
แม้กระทั่งในปัจจุบัน แนวคิดของดาร์วินได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ก็ยังมีผู้ต่อต้านอยู่บางส่วน ดังที่โรงเรียนหรือวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา ห้ามมิให้สอนเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการ แต่แทนด้วยเรื่องการออกแบบอันชาญฉลาด (intelligent design) อันเป็นชื่อใหม่ของแนวคิด “พระเจ้าผู้สร้าง” (creationism)
ดาร์วินจบชีวิตลงเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 1882 ด้วยวัย 73 ปี อย่างไม่เป็นสุขเท่าใดนัก กว่าที่ฝ่ายศาสนาจะยอมรับก็ปาเข้าไปเกือบ 200 ปี โดยเมื่อ ก.ย.2008 ที่ผ่านมานี้ Church of England ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษดาร์วินอย่างเป็นทางการ ที่เข้าใจเขาผิด พร้อมๆ กับวาติกันก็ปฏิเสธว่า ไม่เคยกล่าวหา "ทฤษฎีวิวัฒนาการ" พร้อมทั้งได้ประชุมเรื่อง "วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต" ที่กรุงโรมอีกด้วย
ดาร์วินอาจไม่ใช่คนแรก ที่มีแนวคิดเรื่องวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต แต่เขาเป็นคนแรกที่อธิบายเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด โดยที่ยังไม่มีศาสตร์ด้านพันธุกรรม และทฤษฎีของเขาก็เป็นแรงบันดาลใจ ให้เกิดการค้นพบสิ่งใหม่ในเวลาต่อมา รวมถึงยีนและดีเอ็นเอ ที่ช่วยอธิบายเรื่องของวิวัฒนาการได้ชัดแจ้งมากยิ่งขึ้น ผลงานของเขาจึงได้รับยกย่องให้เป็นหัวใจสำคัญของการศึกษาชีววิทยาสมัยใหม่
ในโอกาสที่ปีนี้ครบรอบ 200 ปี วันคล้ายวันเกิดของดาร์วิน ผู้ที่ได้รับยกย่องว่าเป็น "บิดาแห่งวิวัฒนาการ" สถาบันและองค์กรต่างๆ ทั่วโลกจึงพร้อมใจกันจัดงานเฉลิมฉลองและเชิดชูเกียรติให้เขาตลอดทั้งปี แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้น ที่บ้านเกิดของดาร์วิน นอกจากจัดแสดงนิทรรศการชีวิตและผลงานของเขาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทางโรงกษาปณ์หลวงแห่งอังกฤษ ยังได้จัดทำเหรียญราคา 2 ปอนด์ สลักรูปดาร์วินและลิงหันหน้าเข้าหากัน เป็นที่ระลึกในวาระครบรอบ 200 ปีชาตกาลของดาร์วิน และ 150 ปี “ออน ดิ ออริจิน ออฟ สปีชีส์” หนังสือที่สั่นสะเทือนวงการชีววิทยาไปตลอดกาล