xs
xsm
sm
md
lg

ถึงเวลาปฏิรูปโครงสร้างผลิตอาหารหลังล้มเหลวกว่า 60 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงการผลิตอาหารให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืนมากขึ้น (บีบีซีนิวส์/Getty Images)
นักวิชาการสภาอาหารอังกฤษ ระบุถึงเวลาปฏิรูปโครงสร้างอาหาร หลังล้มเหลวมากว่า 60 ปี บนแนวคิดยุคหลังสงคราม ตั้งเป้าผลิตอาหารต้นทุนถูก  แต่อาหารที่ผลิตได้ไม่สัมพันธ์กับการบริโภค ทั้งยังนำเข้าสูภาวะยุ่งเหยิง ต้องปรับสู่การผลิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ทั้งความหลากหลายทางชีวภาพ พลังงาน ปริมาณน้ำ และความเป็นเมืองใหญ่

ตามรายงานของบีบีซีนิวส์ ศ.ทิม แลง (Prof.Tim Lang) สมาชิกสภาอาหาร (Food Council) หน่วยงานตั้งใหม่ของสหราชอาณาจักร ได้ออกมาเผยว่าโครงการสร้างการผลิตในปัจจุบันนั้น ตั้งอยู่บนแนวคิดช่วงปี ค.ศ. 1940 หลังยุติภาวะสงครามใหม่ๆ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์การอาหารและผู้กำหนดนโยบายเชื่อว่า การเพิ่มการผลิตจะช่วยลดต้นทุนของอาหารและยกระดับการกินและสุขภาพของผู้คนได้

"หากแต่ในช่วง ค.ศ.1970 เริ่มปรากฏหลักฐานว่า สุขภาพสาธารณะไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ และผลที่ตามมาอีกคือเราต้องเผชิญกับปัญหาใหม่ๆ ที่เกี่ยวพันกับสิ่งแวดล้อม" ศ.แลงกล่าว และระบุด้วยว่าโครงสร้างการผลิตอาหารที่เรายึดถือมานั้นเป็น "โครงสร้างที่ล้มเหลว" ซึ่งตามาด้วยต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมที่แพงมหาศาล ตัวอย่างเช่นพายุฝุ่นถล่มสหรัฐฯ การพังครืนของอุตสาหกรรมผลิตอาหารในยุโรป และภาวะอดอยากในเอเชีย เป็นต้น และยังมีหลักฐานที่ชัดเจนถึงความไม่สัมพันธ์ระหว่างการผลิตอาหารและความต้องการบริโภค

"ผ่านมา 30 ปี ตอนนี้โลกเผชิญกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนขึ้น อัตราการเติบโตของการผลิตอาหารต่อประชากรกำลังลดลง หรืออาจจะหยุดเลยด้วย และเราก็ยังมีปัญหาใหญ่เรื่องจำนวนประชากรมนุษย์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว" ศ.แลงกล่าว

พร้อมกันนี้เขาได้เสอนแนวคิดเกี่ยวกับ "โครงสร้างใหม่" ซึ่งเขาเสนอขึ้นเมื่อได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมการการเพาะปลูกอินทรีย์ (Garden Organic) ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะกำหนดการผลิตอาหารในอนาคต โดยสิ่งที่ต้องคำนึง ได้แก่

- น้ำมันและพลังงาน (Oil and energy) : เราอยู่มีเศรษฐกิจอาหารที่ตั้งอยู่บนฐานการผลิตซึ่งอาศัยน้ำมันทั้งหมด และตอนนี้น้ำมันก็กำลังจะหมดไป ซึ่งผลกระทบจากการเกษตรดังกล่าวคือ ความไม่แน่นอนในตลาดซื้อ-ขายอาหาร

- การขาดแคลนน้ำ (Water scarcity) : เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เขาพยายามผลักดันให้รัฐบาลอังกฤษเริ่มวัดประสิทธิภาพการใช้น้ำผลิตอาหาร และเขาได้เสริมด้วยว่ากว่า 50% ของพืชผักที่สหราชอาณาจักรเข้านั้นมาจากประเทศที่ขาดแคลนน้ำ

- ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) :
ไม่เพียงแค่ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพเท่านั้น ศ.แลงเสริมว่า ยังต้องปรับเปลี่ยนและปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งต้องใช้วิธีที่หลากหลายในการปลูกพืชอาหารและการใช้พื้นที่เพาะปลูก
- ความเป็นเมืองใหญ่ (Urbanisation) : ศ.แลงตั้งข้อสังเกตว่าผู้คนอาหารอยู่ในเมืองใหญ่มากกว่าชนบท และตั้งคำถามว่าคนเหล่านั้นนำอาหารจากที่ไหน?

ศ.แลงกล่าวว่า เพื่อจะเลี้ยงประชากรกว่า 9 พันล้านคนในปี ค.ศ. 2050 ผู้กำหนดนโยบายและนักวิทยาศาสตร์ต้องเผชิญกับความท้าทายว่า ระบบโครงสร้างอาหารจะไปได้ยั่งยืนอย่างไรบนความหลากหลายทางชีวภาพบนโลกใบนี้ แทนที่จะมุ่งโจมและปล้นระดมทรัพยากรจากโลก.
อุตสาหกรรมอาหารบนปัจจุบันตั้งอยู่บนฐานความคิดกว่า 60 ปีก่อน ซึ่งพบความล้มเหลวของโครงสร้าง ที่ไม่ช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้คนดีขึ้น แต่กลับสร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมตามมา (บีบีซีนิวส์/Getty Images)
กำลังโหลดความคิดเห็น