แบงก์สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด-เอชเอสบีซีประสานเสียงเงินทุนยังแข็งแกร่ง ไม่มีแผนที่จะขอรับการสนับสนุนเงินทุนจากโครงการเพิ่มทุนของรัฐบาลอังกฤษ แม้เห็นด้วยกับความช่วยเหลือที่รัฐบาลอังกฤษต้องการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
จากที่ทางรัฐบาลอังกฤษมีมาตรการช่วยฟื้นฟูสภาพคล่องและอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบการเงินธนาคารของอังกฤษโดยแผนดังกล่าวเปิดให้กับธนาคารต่าง ๆ เข้าร่วม โดยมีธนาคารทั้งหมด 8แห่งของอังกฤษเข้าร่วม ได้แก่ Royal Bank of Scotland, Lloyds TSB, HBOS,Barclays, HSBC, Nationwide, Abbey National/ Santander and StandardChartered Bank นั้น นางประถมาภรณ์ สวัสดิ์-ชูโต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายองค์การสัมพันธ์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) หรือ SCBT เปิดเผยว่า ธนาคารยืนยันว่าธนาคารยังไม่มีความประสงค์และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องระดมทุนใหม่ภายใต้แผนดังกล่าว เนื่องจากธนาคารยังอยู่ในสถานภาพที่แข็งแกร่งทั่วทุกประเทศที่มีสาขาอยู่ธนาคารยังมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องที่สูง
อีกทั้งธนาคารยังอยู่ในสถานะผู้ปล่อยกู้สุทธิให้ตลาดกู้ยืมเงินระหว่างธนาคารพาณิชย์จึงยังไม่มีประสงค์และไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเพิ่มทุนภายใต้แผนนี้โดยที่ผ่านมาธนาคารได้รับประโยชน์จากการที่ลูกค้ามองหาแหล่งเงินฝากที่ปลอดภัยและมั่นคงทำให้มีลูกค้าเงินฝากไหนเข้ามาอย่างสม่ำเสมอและยังดำเนินธุรกิจและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แผนที่ทางรัฐบาลอังกฤษได้นำออกมาใช้ประกอบด้วย 1.ธนาคารที่เข้าร่วมสามารถขอสภาพคล่องเพิ่มเติมจากธนาคารกลางได้ในกรณีที่จำเป็นและมีความต้องการสภาพคล่องเพิ่มเติมในวงเงินที่เตรียมไว้ 100,000 ล้านปอนด์ 2.หากธนาคารที่เข้าร่วมต้องการจะออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อระดมทุนเสริมสภาพคล่องรัฐบาลอังกฤษจะเข้าไปค้ำประกันหุ้นกู้ใหม่ทั้งหมด ซึ่งจำนวนเงินสำรองประกันหุ้นกู้นี้ประมาณ 250,000 ล้านปอนด์
ทั้งนี้ รัฐบาลจะคอยตรวจสอบ ทบทวนความพอเพียงของเงินสำรองดังกล่าวผลคือจะทำให้ธนาคารที่เข้าร่วมแผนมีสภาพคล่องสูงขึ้นและ 3. ธนาคารที่เข้าร่วมทั้ง 8 แห่งหากต้องการเพิ่มทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งต่อเงินกองทุนสามารถรับการสนับสนุนโดยออกหุ้นกู้บุริมสิทธิ์ให้แก่รัฐบาลอังกฤษจำนวนที่สำรองไว้รวมทั้งสิ้น 25,000 ล้านปอนด์และสามารถเพิ่มวงเงินให้อีก 25,000 ล้านปอนด์ ในกรณีที่จำเป็น
ในส่วนของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) นั้น นางประถมาภรณ์กล่าวว่า มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเช่นกันและมีสภาพคล่องอยู่ในระดับที่สูงอีกทั้งธนาคารยังอยู่ในสถานะเป็นผู้ปล่อยกู้สุทธิในตลาด interbank ของไทยสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคาร ณ วันที่ 7 ต.ค. 51 อยู่ที่ 72.5และมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 13.94% และเงินกองทุนขั้นที่ 1อยู่ที่ 13.4%
"โปรแกรมนี้เป็นไปแบบสมัครใจเลือกที่จะเข้าขอความช่วยเหลือหรือไม่ก็ได้แต่ตอนนี้ของเราไม่จำเป็นแต่การที่รัฐบาลอังกฤษออกมาตรการนี้มาก็เพื่อเป็นการรองรับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเป็นการเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาเพราะหากธนาคารใหญ่ ๆ มีปัญหาก็อาจจะส่งผลไปถึงเศรษฐกิจได้"
ด้านธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ได้มีหนังสือชี้แจงออกมาว่า ยินดีกับแผนการของรัฐบาลอังกฤษที่จะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบการเงินการธนาคารของประเทศอังกฤษซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นความเชื่อมั่นแก่ภาคธุรกิจการเงินการธนาคาร ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแผนการเงินของรัฐบาลอังกฤษที่ประกาศในวันที่ 8 ตุลาคม 2551 เอชเอสบีซี ยืนยันว่า เอชเอสบีซี แบงก์ ในอังกฤษจะยังคงมีการสำรองเงินทุนอย่างเหมาะสมโดยระดมทุนจากแหล่งทุนภายในของกลุ่มเอชเอสบีซีเอง เอชเอสบีซีจึงไม่มีแผนที่จะขอรับการสนับสนุนเงินทุนจากโครงการเพิ่มทุนของรัฐบาลอังกฤษแต่อย่างใด
กลุ่มเอชเอสบีซี สนับสนุนความพยายามที่จะสร้างความเชื่อมั่นในตลาดเงินโดยธนาคาร ได้เพิ่มสภาพคล่องแก่ตลาดอินเตอร์แบงก์ของลอนดอนด้วยการปล่อยเงินกู้ราว 2 พันล้านปอนด์ ระยะเวลา 3 เดือน และ 6 เดือนแก่สถาบันการเงินรายอื่น ๆ เพื่อกู้ยืม
เอชเอสบีซีคาดว่าจะปล่อยเงินสู่ตลาดอินเตอร์แบงก์ของลอนดอนอีกครั้ง และเชื่อว่าการดำเนินการของธนาคารฯ จะส่งผลให้ความตึงตัวในตลาดเงินของอังกฤษผ่อนคลายลงได้จากการที่เงินกู้ยืมระหว่างธนาคาร ระยะเวลา 3 เดือน และ 6 เดือน มีการตึงตัวอย่างมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ธนาคารเอชเอสบีซี มีเครือข่ายสาขาใน 85 ประเทศ และเขตปกครองทั่วโลกรวมทั้งในสหราชอาณาจักร ซึ่งสร้างผลกำไรราว 1 ใน 4ส่วนของผลกำไรทั้งหมดของกลุ่มเอชเอสบีซี ในปี 2550 โดยกลุ่มเอชเอสบีซีเป็นสถาบันการเงินรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม มูลค่า 190 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2551) ให้บริการลูกค้ากว่า 100 ล้านรายทั่วโลกมีเงินฝากรวม 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราเงินทุนขั้นที่ 1 อยู่ที่8.8% และอัตราเงินกู้ต่อเงินฝากอยู่ที่ 90% ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551
จากที่ทางรัฐบาลอังกฤษมีมาตรการช่วยฟื้นฟูสภาพคล่องและอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบการเงินธนาคารของอังกฤษโดยแผนดังกล่าวเปิดให้กับธนาคารต่าง ๆ เข้าร่วม โดยมีธนาคารทั้งหมด 8แห่งของอังกฤษเข้าร่วม ได้แก่ Royal Bank of Scotland, Lloyds TSB, HBOS,Barclays, HSBC, Nationwide, Abbey National/ Santander and StandardChartered Bank นั้น นางประถมาภรณ์ สวัสดิ์-ชูโต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายองค์การสัมพันธ์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) หรือ SCBT เปิดเผยว่า ธนาคารยืนยันว่าธนาคารยังไม่มีความประสงค์และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องระดมทุนใหม่ภายใต้แผนดังกล่าว เนื่องจากธนาคารยังอยู่ในสถานภาพที่แข็งแกร่งทั่วทุกประเทศที่มีสาขาอยู่ธนาคารยังมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องที่สูง
อีกทั้งธนาคารยังอยู่ในสถานะผู้ปล่อยกู้สุทธิให้ตลาดกู้ยืมเงินระหว่างธนาคารพาณิชย์จึงยังไม่มีประสงค์และไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเพิ่มทุนภายใต้แผนนี้โดยที่ผ่านมาธนาคารได้รับประโยชน์จากการที่ลูกค้ามองหาแหล่งเงินฝากที่ปลอดภัยและมั่นคงทำให้มีลูกค้าเงินฝากไหนเข้ามาอย่างสม่ำเสมอและยังดำเนินธุรกิจและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แผนที่ทางรัฐบาลอังกฤษได้นำออกมาใช้ประกอบด้วย 1.ธนาคารที่เข้าร่วมสามารถขอสภาพคล่องเพิ่มเติมจากธนาคารกลางได้ในกรณีที่จำเป็นและมีความต้องการสภาพคล่องเพิ่มเติมในวงเงินที่เตรียมไว้ 100,000 ล้านปอนด์ 2.หากธนาคารที่เข้าร่วมต้องการจะออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อระดมทุนเสริมสภาพคล่องรัฐบาลอังกฤษจะเข้าไปค้ำประกันหุ้นกู้ใหม่ทั้งหมด ซึ่งจำนวนเงินสำรองประกันหุ้นกู้นี้ประมาณ 250,000 ล้านปอนด์
ทั้งนี้ รัฐบาลจะคอยตรวจสอบ ทบทวนความพอเพียงของเงินสำรองดังกล่าวผลคือจะทำให้ธนาคารที่เข้าร่วมแผนมีสภาพคล่องสูงขึ้นและ 3. ธนาคารที่เข้าร่วมทั้ง 8 แห่งหากต้องการเพิ่มทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งต่อเงินกองทุนสามารถรับการสนับสนุนโดยออกหุ้นกู้บุริมสิทธิ์ให้แก่รัฐบาลอังกฤษจำนวนที่สำรองไว้รวมทั้งสิ้น 25,000 ล้านปอนด์และสามารถเพิ่มวงเงินให้อีก 25,000 ล้านปอนด์ ในกรณีที่จำเป็น
ในส่วนของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) นั้น นางประถมาภรณ์กล่าวว่า มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเช่นกันและมีสภาพคล่องอยู่ในระดับที่สูงอีกทั้งธนาคารยังอยู่ในสถานะเป็นผู้ปล่อยกู้สุทธิในตลาด interbank ของไทยสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคาร ณ วันที่ 7 ต.ค. 51 อยู่ที่ 72.5และมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 13.94% และเงินกองทุนขั้นที่ 1อยู่ที่ 13.4%
"โปรแกรมนี้เป็นไปแบบสมัครใจเลือกที่จะเข้าขอความช่วยเหลือหรือไม่ก็ได้แต่ตอนนี้ของเราไม่จำเป็นแต่การที่รัฐบาลอังกฤษออกมาตรการนี้มาก็เพื่อเป็นการรองรับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเป็นการเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาเพราะหากธนาคารใหญ่ ๆ มีปัญหาก็อาจจะส่งผลไปถึงเศรษฐกิจได้"
ด้านธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ได้มีหนังสือชี้แจงออกมาว่า ยินดีกับแผนการของรัฐบาลอังกฤษที่จะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบการเงินการธนาคารของประเทศอังกฤษซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นความเชื่อมั่นแก่ภาคธุรกิจการเงินการธนาคาร ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแผนการเงินของรัฐบาลอังกฤษที่ประกาศในวันที่ 8 ตุลาคม 2551 เอชเอสบีซี ยืนยันว่า เอชเอสบีซี แบงก์ ในอังกฤษจะยังคงมีการสำรองเงินทุนอย่างเหมาะสมโดยระดมทุนจากแหล่งทุนภายในของกลุ่มเอชเอสบีซีเอง เอชเอสบีซีจึงไม่มีแผนที่จะขอรับการสนับสนุนเงินทุนจากโครงการเพิ่มทุนของรัฐบาลอังกฤษแต่อย่างใด
กลุ่มเอชเอสบีซี สนับสนุนความพยายามที่จะสร้างความเชื่อมั่นในตลาดเงินโดยธนาคาร ได้เพิ่มสภาพคล่องแก่ตลาดอินเตอร์แบงก์ของลอนดอนด้วยการปล่อยเงินกู้ราว 2 พันล้านปอนด์ ระยะเวลา 3 เดือน และ 6 เดือนแก่สถาบันการเงินรายอื่น ๆ เพื่อกู้ยืม
เอชเอสบีซีคาดว่าจะปล่อยเงินสู่ตลาดอินเตอร์แบงก์ของลอนดอนอีกครั้ง และเชื่อว่าการดำเนินการของธนาคารฯ จะส่งผลให้ความตึงตัวในตลาดเงินของอังกฤษผ่อนคลายลงได้จากการที่เงินกู้ยืมระหว่างธนาคาร ระยะเวลา 3 เดือน และ 6 เดือน มีการตึงตัวอย่างมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ธนาคารเอชเอสบีซี มีเครือข่ายสาขาใน 85 ประเทศ และเขตปกครองทั่วโลกรวมทั้งในสหราชอาณาจักร ซึ่งสร้างผลกำไรราว 1 ใน 4ส่วนของผลกำไรทั้งหมดของกลุ่มเอชเอสบีซี ในปี 2550 โดยกลุ่มเอชเอสบีซีเป็นสถาบันการเงินรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม มูลค่า 190 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2551) ให้บริการลูกค้ากว่า 100 ล้านรายทั่วโลกมีเงินฝากรวม 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราเงินทุนขั้นที่ 1 อยู่ที่8.8% และอัตราเงินกู้ต่อเงินฝากอยู่ที่ 90% ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551
