xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องวุ่นๆ สัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ถึงเวลา “ลุงตู่” ต้องกล้าฟันธง ไม่ปล่อย “ลุงป๊อก” ลุยถั่ว **จุดจบฮ่องกงโมเดล! “โจชัว หว่อง” ถูกจับยัดคุก “กวิ้น-รุ้ง” ควรซึมซับไว้เป็นบทเรียน!!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์







ข่าวปนคน คนปนข่าว

**เรื่องวุ่นๆ สัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ถึงเวลา “ลุงตู่” ต้องกล้าฟันธง ไม่ปล่อย “ลุงป๊อก” ลุยถั่ว

กลายเป็นเรื่องร้อนๆ ว่าด้วยโครงการขยายสัญญาสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กับ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ที่เกิดปมงัดข้อกันระหว่าง มหาดไทย ของ “ลุงป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กับคมนาคม โดย “รมว.ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” จนไม่สามารถจอดป้าย ครม.ได้ตามเวลา อย่างชนิดงงๆ งวยๆ ทั้งบาง ทิ้งปมปริศนาว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้าก็วิ่งราบรื่นกันมาตลอด

โมงยามนี้ สปอตไลต์ จึงส่องมาที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลว่าจะตัดสินใจอย่างไร?? ที่ต้องเคลียร์ข้อครหา “เอื้อประโยชน์” ให้นายทุนให้ชัดๆ
เบื้องต้น “ลุงตู่” ยืนยันเรื่องนี้ยังไม่มีการหารือใน ครม. จนกว่า กระทรวงมหาดไทยจะไปทำข้อพิจารณาเพิ่มเติมขึ้นมา โดยการหารือร่วมกับหลายฝ่าย ทั้ง คมนาคม กทม. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
นายกฯยอมรับว่า ปัญหาสำคัญของรถไฟฟ้าสายสีเขียว คือ “หนี้ที่ค้างอยู่” จะทำอย่างไร ปล่อยไปก็จะพอกพูนไปเรื่อยๆ ตัวลุงเองถึงขึ้นบ่นออกสื่อ ถ้าใครมีวิธีการอื่นที่ดีกว่าให้เสนอเข้ามาเลย รัฐบาลจะนำไปพิจารณา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ว่ากันว่า ในการจัดการหนี้นี้เรื่องใหญ่ “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบโครงการรถไฟฟ้าสีเขียว ก็หนักใจ เพราะ กทม.มีปัญหาในการจัดการกับหนี้ค้างจ่ายค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าให้บีทีเอสซี ตั้งแต่ปี 2561 เป็นเงินกว่า 8,000 ล้านบาท และหากไม่มีเงินจ่าย มีโอกาสที่ บีทีเอส อาจจำเป็นต้องหยุดวิ่งให้บริการ เพราะไม่อาจแบกรับภาระขาดทุนแทนภาครัฐได้ และตามแผนการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว รวมส่วนต่อขยาย ระยะทาง 68.25 กิโลเมตร จะเปิดให้บริการครบทั้ง 59 สถานี อย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2563 นี้อีกด้วย
พูดง่ายๆ ว่า เวลาคือเงื่อนไขบีบให้ “ลุงตู่” ต้องสะสางสัมปทานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
อันที่จริง นายกฯเองก็รับรู้ปัญหามาตั้งแต่ต้นว่า เรื่องสัญญาสัมปทานสายสีเขียวมีผลสรุปร่วมของทุกหน่วยงานที่ให้ความเห็นชอบ ร่างสัญญาร่วมลงทุนขยายสัมปทานรถไฟฟ้าให้กับบีทีเอส นั้นมีเป็นอย่างไร
ถ้าลุงคิดจะจบปัญหานี้ ไม่น่าจะยากเกินกว่าความสามารถ ว่ากันตามตรงละก้อมีทางออก เรียก “คีรี กาญจนพาสน์” ประธาน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส มาหารือ ตบๆ เคาะๆ กันหน่อย “เจ้าสัวคีรี” ก็คงไม่ถึงขั้นเสียงแข็งกระต่ายขาเดียวกระมัง เพราะฟังจากน้ำเสียงเจ้าตัวได้ยืนยันก่อนนี้แล้วว่า บีทีเอส จะให้บริการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายต่อไป ไม่ทิ้งผู้โดยสาร และยังมั่นใจในการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพราะเชื่อว่า ทุกอย่างเดินมาด้วยความถูกต้องชอบธรรมตามขั้นตอนทางกฎหมาย และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกันอย่างดีในการที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ และยืนยันว่าในฐานะเอกชนไม่คิดที่จะเอาเปรียบรัฐ หรือประชาชน และได้พยายามแบกรับภาระการให้บริการด้วยดีมาเกือบ 2 ปี

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
งานนี้ ลุงก็ต้องกล้าฟันธง กล้าตัดสินใจหน่อย ที่ผ่านมา ก็ต้องบอกว่าปัญหาเกิดเพราะปล่อยให้ “ลุงป๊อก” มท.1 ผู้ให้ความเห็นชอบ “ลุยถั่ว” ผลักดันมาตั้งแต่ต้น ขณะที่กทม.ของผู้ว่าฯ อัศวิน ก็ วิน-วิน เล่นบทตามน้ำ ก็สมประโยชน์ตามไปด้วยในฐานะอยู่ในความรับผิดชอบตรง จนได้ ม.44 รัฐบาล คสช. มาช่วย ท่ามกลางข้อกังขา มีงุบงิบแบ่งปันรับประโยชน์ลงตัวจากการลุยถั่วครั้งนั้นกันหรือไม่ อย่างไร
มาถึงตอนนี้ไหนๆ พวกที่แบ่งปันประโยชน์กันไปแล้ว ก็เหลือแต่ว่าถึงเวลาจะต้องให้ประชาชนได้รับประโยชน์หรือยัง ? โดยเฉพาะค่าโดยสารที่ถูกลง
รูปการณ์แบบนี้ขืนปล่อยให้ “ลุงป๊อก” ลุยถั่วต่อ คมนาคมน่าจะคอยค้านไม่เลิกรา
เรื่องปิดดีลสัมปทานรถไฟสายสีเขียวที่ลุงว่าจะยึดประชาชนให้ได้ประโยชน์ ก็คงต้องเป็นหนังชีวิตดรามาว่ากันยาวๆ ไปอย่างไม่ต้องสงสัย.

**จุดจบฮ่องกงโมเดล! “โจชัว หว่อง” ยอมรับสารภาพ ถูกจับยัดคุก รอการพิพากษาโทษจากศาล 2 ธ.ค.นี้ “กวิ้น-รุ้ง” ควรซึมซับไว้เป็นบทเรียน!!


โจชัว หว่อง
“โจชัว หว่อง” แกนนำการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะ “แกนนำ” ผู้ประท้วงตั้งแต่อายุ เพียง 17 ปี ซึ่งครั้งนั้น ขบวนการนักศึกษาได้ประท้วงรัฐบาลปักกิ่ง เมื่อปี 2557 ภายใต้ชื่อ “ขบวนการร่ม” หรือ “Umbrella Movement”
ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา “โจชัว หว่อง” ก็ไม่ได้ลดบทบาทในการเคลื่อนไหว จนมีชื่อเสียงเป็น “ไอดอล” ของเยาวชน คนหนุ่มสาวที่เรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทย
ล่าสุด เมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ “โจชัว หว่อง” นำประท้วงใหญ่เรียกร้องประชาธิปไตย ให้ฮ่องกงมีการเลือกตั้งอย่างเสรี แต่ได้รับการปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวจากรัฐบาลปักกิ่ง ... การชุมนุมยืดเยื้อยาวนานกว่า 7 เดือน ดึงดูดประชาชนไหลบ่าลงท้องถนนมาร่วมชุมนุมหลายล้านคน ระหว่างนั้นก็มีการ “ยกระดับ” ขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นปะทะกับเจ้าหน้าที่ เกิดจลาจล ทุบทำลาย เผา จนฮ่องกงตกอยู่ในภาวะวิกฤต สั่นคลอนทั้งด้านการเมือง ธุรกิจ การท่องเที่ยว
ขณะเดียวกัน “โจชัว หว่อง” ก็ถูกดำเนินคดีอาญาหลายข้อหา ประเภทปลุกปั่น ยุยง ก่อความไม่สงบ ร่วมกับนักเคลื่อนไหวคนดังอีก 2 คน คือ “อีวาน แลม” และ “แอกเนส โจว”
เมื่อวานนี้ (23 พ.ย.) ศาลเปิดพิจารณาคดีของเขา ...“โจชัว หว่อง” ในวัย 24 ปี พร้อมกับพวกอีก 2 คน ให้การ “รับสารภาพ” ต่อศาลในความผิดที่พวกเขาก่อขึ้น จึงถูกส่งตัวเข้าสถานคุมขังในทันที เพื่อรอการพิพากษาโทษของศาลที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 ธ.ค.นี้
นี่คือบทสรุปเบื้องต้นของ “โจชัว หว่อง”

พริษฐ์ ชิวารักษ์ - ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล
เมื่อหันมามองการชุมนุมประท้วงในไทยของกลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ที่เริ่มจากกลุ่มเยาวชนปลดแอก แล้วเปลี่ยนชื่อมาเป็นประชาชนปลดแอก และล่าสุด พัฒนามาเป็น “คณะราษฎร” ซึ่งข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมก็พัฒนาไปเช่นกัน จากเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ให้นายกฯลาออก ล่าสุด ก็พุ่งเป้าไปที่ “ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์”
ม็อบเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯในไทย มี “อานนท์ นำภา-พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน และ “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล” เป็นแกนนำหลัก... การชุมนุมในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ก็มีการยกระดับ “เบิ้มๆ” ตามแบบฉบับ “ฮ่องกงโมเดล” และหมายมั่นปั้นมือว่าจะ “เผด็จศึก” ในการชุมนุมวันที่ 25 พ.ย.นี้ ที่จะบุกไปสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ !!
ประเมินกันว่า ผู้ชุมนุมในวันที่ 25 พ.ย. นี้ จะไม่ใช่เพียงคนหนุ่มสาว นักเรียน นักศึกษา เป็นหลักเหมือนอย่างเคย แต่จะมีมวลชน “คนเสื้อแดง” ที่เพิ่งเปิดหน้าออกมาในการชุมนุมที่ถนนอักษะ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จะมาร่วมสมทบด้วย ... พร้อมเปิดตัว “การ์ดภาคีเพื่อประชาชน” ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของการ์ดจาก 10 กลุ่ม ซึ่งแน่นอนว่าในจำนวนนี้ย่อมมีการ์ดเสื้อแดง ซึ่งถือว่าเป็น “การ์ดมืออาชีพ” มาร่วมสร้างความฮึกเหิม เสริมกำลังใจให้ด้วย
ไม่ว่าสถานการณ์ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ จะลงเอยในลักษณะใด หรือจะพัฒนาไปถึงจุดไหน... แต่ก็อยากเตือนสติบรรดาแกนนำที่ยังเป็นเยาวชน คนหนุ่มสาว ได้ฉุกคิด พิจารณาให้ถ้วนถื่ รอบคอบก่อนจะทำการอะไรลงไป
เพราะวันนี้ “ฮ่องกงโมเดล” ที่ยึดเป็นแม่แบบในการชุมนุมประท้วงนั้นมาถึงจุดจบ ... “โจชัว หว่อง” ที่เป็นไอดอลนั้น สุดท้ายปลายทางคือ “คุก” !!




กำลังโหลดความคิดเห็น