รายงานข่าวเผยว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2563 ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเสนอให้มีการพิจารณาลงมติให้ความเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสีเขียว ซึ่งเกิดประเด็นข้อขัดแย้งหลังจากการที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้นำผลการศึกษาของกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ลงวันที่ 10 พ.ย. 2563 และเพิ่งมีการนำเสนอก่อนการประชุม ครม.ขึ้นมาคัดค้าน จนทำให้กระทรวงมหาดไทยต้องถอนเรื่องกลับไปทบทวน หาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนนำมาเสนออีกครั้ง
ทั้งนี้ ในการประชุม ครม. 13 สิงหาคม 2563 ก่อนหน้านี้ที่ได้มีการเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่ง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ไม่มีท่าทีคัดค้านในร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสีเขียวดังกล่าว ทำให้มีคำถามเกิดขึ้นกรณีที่ นายศักดิ์สยาม รมว.คมนาคม และ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย มีความเห็นคัดค้านดังกล่าวเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมจริงหรือไม่
ที่ผ่านมาสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวมีการประชุมหาข้อสรุปจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้วหลายรอบ โดยกระทรวงการคลังได้มีเอกสารสรุป ลงวันที่ 16 พ.ย. 2563 ว่า กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการมาตามลำดับขั้นตอน และกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่เป็นหน่วยงานนำเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาได้เห็นชอบโครงการนี้มาตั้งแต่แรกเริ่ม
ข้อติดขัดในช่วงนั้นเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จาก นายปรีดี ดาวฉาย มาเป็น นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ทำให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต้องขอความเห็นจากกระทรวงการคลังอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปตามมติ ครม.วันที่ 13 ส.ค. 2563
กระทรวงการคลังยังคงยืนยันให้ความเห็นชอบตามเดิม จากที่ทุกหน่วยงานเคยลงมติรับทราบผลการเจรจาและร่างสัญญาร่วมลงทุนฯ ในโครงการรถไฟฟ้าสีเขียวมาก่อนหน้า รวมถึงกระทรวงคมนาคมที่เคยเสนอผลการพิจารณารายงานผลการศึกษาฯ ตามหนังสือกระทรวงคมนาคม ด่วนที่สุด ที่ คค (ปคร) 0202/192 ลงวันที่ 4 มิ.ย. 2563 ให้ที่ประชุม ครม.รับทราบไปแล้ว และที่ประชุม ครม. วันที่ 13 ส.ค. 2563 เคยรับทราบผลการพิจารณาตามรายงานสรุปของกระทรวงมหาดไทยไปแล้ว
ดังนั้น โครงการขยายสัญญาสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กับ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ได้ผ่านความเห็นชอบของทุกหน่วยงานแล้ว จึงพร้อมเข้าเสนอขอมติที่ประชุม ครม.อนุมัติในวันที่ 17 พ.ย. 2563
กรณี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นำผลการศึกษาของกรมการขนส่งทางรางออกมาคัดค้านจึงกลายเป็นประเด็นที่ทำให้ ครม.ร้อนฉ่า และการพลิกกลับแบบ 360 องศา นั้นอาจะทำให้มองแบบการเมืองว่ามีประเด็นเบื้องหลังหรือมีผลประโยชน์สอดแทรกหรือไม่ หรือมีประเด็นปมขัดแย้งอื่นๆ ที่ทำให้กระทรวงคมนาคม และพรรคภูมิใจไทยเปลี่ยนจุดยืนในเรื่องที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนรวม เพราะขณะนี้ "บีทีเอส" กำลังมีปัญหากับกระทรวงคมนาคม แก้ไขเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ประมูลสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสีส้ม จนต้องฟ้องร้องต่อศาลปกครองขอความเป็นธรรม
ในขณะที่การต่อสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีความล่าช้าทำให้เกิดผลกระทบ โดยล่าสุด พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบโครงการรถไฟฟ้าสีเขียว ระบุว่า กทม.มีปัญหาในการจัดการกับหนี้ค้างจ่ายค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าให้ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด หรือบีทีเอสซี ตั้งแต่ปี 2561 เป็นเงินกว่า 8,000 ล้านบาท และหากไม่มีเงินจ่าย มีโอกาสที่บีทีเอส ในฐานะบริษัทเอกชน อาจจำเป็นต้องหยุดวิ่งให้บริการเพราะไม่อาจแบกรับภาระขาดทุนแทนภาครัฐได้ และตามแผนการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว รวมส่วนต่อขยาย ระยะทาง 68.25 กิโลเมตร จะเปิดให้บริการครบทั้ง 59 สถานีอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2563 นี้อีกด้วย
ในประเด็นหยุดวิ่งนั้น นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธาน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ได้ยืนยันแล้วว่าบีทีเอสจะให้บริการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายต่อไป ไม่ทิ้งผู้โดยสาร และยังมั่นใจในการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เนื่องจากทุกอย่างเดินมาด้วยความถูกต้อง ชอบธรรมตามขั้นตอนทางกฎหมาย และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกันอย่างดีในการที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ และยืนยันว่าในฐานะเอกชนไม่คิดที่จะเอาเปรียบรัฐ หรือประชาชน และได้พยายามแบกรับภาระการให้บริการด้วยดีมาเกือบ 2 ปี
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม ลุกขึ้นมาคัดค้านเรื่องที่เดิมเคยให้ความเห็นไปก่อนแล้ว เป็นการกระทำที่ย้อนแย้ง และมีเหตุผลอื่นอยู่เบื้องลึกหรือไม่ และกำลังถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการนำกลไกทางการเมืองเข้าขัดขวางแผนการลงทุนของบริษัทเอกชน "บีทีเอส" ที่กำลังมีข้อพิพาทกับกระทรวงคมนาคมหรือไม่
จึงต้องจับตาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจในประเด็นนี้อย่างไร เนื่องจากนายกฯ เองได้รับรู้มาตั้งแต่ต้นว่าเรื่องสัญญาสายสีเขียวมีผลสรุปร่วมของทุกหน่วยงานที่ให้ความเห็นชอบ ร่างสัญญาร่วมลงทุนขยายสัมปทานรถไฟฟ้าให้กับบีทีเอสแล้ว