“ศรีสุวรรณ” เลขาสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย แนะสังคมจับตา ครม. ยื้อการลงมติให้ความเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสีเขียว ชี้ เป็นโครงการให้บริการสาธารณะ ที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชน
วันนี้ (23 พ.ย.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย ขอถอนเรื่องการพิจารณาลงมติให้ความเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสีเขียว กับ บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กลับไปทบทวน หลังจากจากกระทรวงคมนาคม โดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม หยิบยกผลการศึกษาของกรมขนส่งทางราง ลงวันที่ 10 พ.ย. 2563 ขึ้นมาคัดค้าน ว่า เป็นการทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบทางธุรกิจโครงการขนาดใหญ่ประเภทนี้ต้องวางแผนการลงทุนระยะยาว แต่ผู้กระทบโดยตรงอย่างแท้จริงคือผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ขาดโอกาสที่จะมีความสะดวกสบายในการเดินทาง
สำหรับ นายศรีสุวรรณ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา เป็นผู้ยื่นคำร้องเรียนและสอบถามต่อคณะรัฐมนตรี กรณีคณะกรรมการคัดเลือกตาม ม.36 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีมติเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเอกสารประกวดราคาใหม่ (TOR) หลังจากที่มีการขายซองประกวดราคาไปแล้ว โดยระบุว่า ร้องเรียนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เพราะชัดเจนว่าอาจมีพฤติกรรมในการเอื้อเอกชนบางราย ซึ่งขัดแนวทางการประมูลงานในอดีต และเมื่อศาลปกครอง สั่งคุ้มครองให้กลับไปใช้แนวทางการประมูลเดิม จึงถือว่าถูกต้องแล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลยกเหตุไม่ให้ความเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสีเขียว ส่วนตัวมองว่า ผู้เสียหายที่สุด คือ ประชาชน เพราะบีทีเอส มีสัญญาอีกนับ 10 ปี กว่าจะครบสัญญาสัมปทาน ยังมีรัฐบาลอีกหลายรัฐบาล แต่หากรัฐบาลเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนฯ โดยเร็ว จะทำให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจว่าจะไม่หยุดยั้งการพัฒนาการให้บริหารเพื่อประโยชน์ผู้โดยสาร ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่เห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนฯ ผู้ประกอบการก็มีเหตุผลที่ไม่กล้าลงทุนในระยะยาว เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะได้ไปต่อหรือไม่
นอกจากนี้ บีทีเอส คือ ผู้ลงทุนโครงการแต่ต้น ย่อมรู้เทคนิควิธีการเดินรถอย่างช่ำชองแล้ว แต่การชักเข้าชักออกเท่ากับไม่ได้ยึดถือประชาชนเป็นที่ตั้งหรือไม่ แต่เวลาหาเสียงกลับบอกว่าตัวเองยึดถือประชาชนเป็นที่ตั้ง ดังนั้นการเร่งรีบให้ความเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จึงเอื้อประชาชน ไม่ใช่เอกชน
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า อยากให้สังคมจับตาว่า โครงการที่ให้บริการสาธารณะไม่ใช่ผลประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส จึงอยากให้ประชาชนส่งเสียง เพื่อที่นักการเมืองจะเกิดความยำเกรงเสียงประชาชนบ้าง
อนึ่ง การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 17 พ.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคม หยิบยกผลการศึกษาของกรมขนส่งทางราง ลงวันที่ 10 พ.ย. 2563 ขึ้นมาคัดค้าน ทั้งที่การประชุม ครม. 13 ส.ค. 2563 เพื่อพิจารณาในเรื่องดังกล่าว นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ มิได้มีท่าทีคัดค้านร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสีเขียว แต่อย่างใด