“ปานเทพ” โต้คณะทำงานอัยการอ้าง “เนตร นาคสุข” สั่งไม่ฟ้อง“บอส วรยุทธ”ตามพยานหลักฐานในสำนวน แถมบอกจะรื้อคดีทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยบอกทำอะไรอีกไม่ได้แล้ว ชี้เบี่ยงประเด็นที่อัยการเจ้าของสำนวนเดิมเคยสั่งฟ้องไปแล้ว รวมทั้งอัยการสูงสุดสั่งยุติการร้องขอความเป็นธรรม จนศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาตามสำนวนที่สั่งฟ้อง
วันนี้ (4 ส.ค.) ภายหลังจากคณะทำงานตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ของอัยการ ได้แถลงผลการตรวจสอบโดยมีความเห็นว่า นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ได้มีความเห็นและคำสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ ไปตามพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและสอบสวนเพิ่มเติมซึ่งปรากฏอยู่ในสำนวน ไม่ได้นำพยานหลักฐานนอกสำนวนหรือที่ไม่ได้ปรากฏในสำนวนการสอบสวนมาสั่งคดี หรือเป็นการใช้ดุลพินิจสั่งคดีไปตามอำเภอใจ จึงถือว่าการสั่งคดีเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องแล้ว อย่างไรก็ตาม คณะทำงานตรวจพบว่า มีผลการตรวจของแพทย์ที่พบสารโคเคนในตัวนายวรยุทธ และผลการคำนวณความเร็วรถของนายวรยุทธโดยนักวิชาการที่พบว่า มีความเร็วถึง 170 กม./ชม.นั้น ยังไม่ปรากฏในสำนวน จึงจะเสนออัยการสูงสุดเพื่อแจ้งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีนายวรยุทธ ในข้อหาเสพโคเคนและขับรถเร็วเกินกำหนดต่อไป นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวว่า “แถจนหัวถลอก การแถลงของอัยการ “ถอย”รอบนี้โดยอ้างว่ารื้อฟื้นคดีใหม่ได้ จากเดิมที่แถลงว่าคดีได้ยุติอย่างสมบูรณ์ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ต้องให้ญาติผู้เสียชีวิตไปฟ้องเองเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าคำแถลงของอัยการก่อนหน้านี้ที่ว่ารื้อคดีไม่ได้แม้จะมีพยานหรือหลักฐานใหม่นั้น เป็นเรื่องไม่จริง และสะท้อนความอ่อนด้อยทางวิชาชีพหรือไม่ (https://mgronline.com/crime/detail/9630000079549)
แต่ความจริงเรื่องนี้ยังไม่จบเพราะหมายจับที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ออกให้นั้น มาจากพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนซึ่งได้มีคำสั่งฟ้องไปแล้ว แต่จำเลยไม่มารับฟังคำสั่งฟ้อง จึงขอหมายจับนายบอส อยู่วิทยา ผู้พิพากษา ศาลอาญากรุงเทพใต้เห็นพ้องด้วยจึงออกหมายจับให้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งหมดนี้ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาการเรียกร้องความเป็นธรรมจนถึงอัยการสูงสุดแล้ว และได้ยุติไปแล้วตามขั้นตอนที่กำหนดเอาไว้ในระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2547 ข้อ 48 และระบุในการแถลงข่าวชัดเจนว่า พยานผู้เชี่ยวชาญไม่มีน้ำหนักเพียงพอจะหักล้างในคดีได้จึงเห็นสมควรยุติการพิจารณาขอความเป็นธรรม ด้วยเหตุผลนี้อธิบดีอัยการ สำนักงานอาญากรุงเทพใต้จึงได้สั่งการให้พนักงานอัยการเจ้าของสำนวนดำเนินการสั่งฟ้องและขอศาลออกหมายจับ ตามคำแถลงข่าวเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2560
รับชมหลักฐานการแถลงข่าวออกหมายจับเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2560 จากเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ สรุปว่ามีการพิจารณาขอความเป็นธรรมแล้ว และเรื่องยุติแล้ว โดยอธิบดีศาลอาญากรุงเทพใต้
(https://mgronline.com/onlinesection/detail/9600000042581)
“ยิ่งการแถลงข่าวของอัยการในวันนี้ ระบุว่าคำสั่งไม่ฟ้องที่เกิดขึ้นภายหลังได้พิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวนเดิมที่มีอยู่แล้วเท่านั้น ไม่ใช่หลักฐานใหม่นอกสำนวน ก็แสดงว่าล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเดิมที่เคยยุติมาแล้วจนศาลออกหมายจับมาแล้วทั้งสิ้น จะมาเบี่ยงประเด็นทำเป็นรื้อคดีใหม่ได้อย่างไร” นายปานเทพระบุ