xs
xsm
sm
md
lg

“จอม เพชรประดับ” โอดคนไทยในอเมริกาอยากกลับบ้านหนี “โควิด-19” ส่วนตัวติดที่เผด็จการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



MGR Online - อดีตสื่อสายแม้ว “จอม เพชรประดับ” โอดสงสัยอเมริกาจะพ่ายแพ้สงครามโควิด-19 ชี้ ระบบสุขภาพเมืองไทยที่สร้างโดยรัฐบาลประชาธิปไตยดีกว่าสหรัฐฯ เยอะ จนคนไทยในอเมริกาอยากย้ายกลับไทยถาวร ส่วนตัวเองไม่คิดกลับ เพราะเมืองไทยยังมีรัฐบาลเผด็จการ

เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2563 ที่ผ่านมาเฟซบุ๊ก Jom Petchpradab ของนายจอม เพชรประดับ อดีตผู้สื่อข่าวและพิธีกรรายการสถานีโทรทัศน์ไอทีวี และ วอยซ์ทีวี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีความมั่นคง ซึ่งเดินทางออกจากประเทศไทยเมื่อปี 2557 หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง โดยในเวลาต่อมาไปปรากฏตัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

โพสต์เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ของนายจอม ระบุว่า ตนเพิ่งได้รับเงินช่วยเหลือ 1,200 เหรียญสหรัฐฯ จากรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมทั้งกล่าวเหน็บแนมรัฐบาลไทยที่มีปัญหาการจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนได้ไม่ทั่วถึง อย่างไรก็ตาม นายจอม กลับกล่าวยอมรับในตอนหนึ่งว่า

“การทำสงครามกับ “โควิค 19” ของรัฐบาลอเมริกา น่าเป็นห่วง เกรงว่า จะพ่ายแพ้ย่อยยับ เหมือนสงครามเวียตนาม..อย่างไรไม่รู้ ไม่อยากซ้ำเติมความทะนง อหังการในความเป็นมหาอำนาจของโลก ที่ปกคลุมแน่นหนาในทำเนียบขาวของรัฐบาลทรัมป์ นี่คงเป็นที่มาของความประมาท ชะล่าใจ ที่ไม่ได้เตรียมพร้อมตั้งแต่แรก ...” นายจอม ระบุ และว่า “ความพ่ายแพ้อย่างสำคัญของอเมริกาในครั้งนี้ ตามความเข้าใจของผม คือ ระบบสุขภาพของอเมริกา “โควิค19” ได้เปิดแผลให้เห็นความล้มเหลวในหลักประกันสุขภาพของอเมริกาอย่างที่ไม่เคยมีสงครามครั้งใด ทำให้เห็นปัญหานี้ชัดเจนเท่ากับครั้งนี้
ด้วยเหตุนี้แหละที่แม้แต่คนไทยที่เป็นพลเมืองอเมริกันจำนวนมากคิดจะย้ายกลับประเทศไทยอย่างถาวร”

“ทางออกเดียวที่จะพ้นไปจากนกในกรงเหล็ก ก็คือ ทำงานหนักให้มากขึ้นสองหรือสามเท่า เพื่อที่จะซื้อประกันสุขภาพ ซื้ออาหาร จ่ายค่าที่พัก และเพื่อให้ชีวิตเดินไปตามความฝันได้ (ค่าครองชีพในเมืองใหญ่โหดมากๆ) แม้ในอีกด้านหนึ่งจะต้องจ่ายภาษีอย่างแพงด้วยก็ตาม (ระบบนี้หรือเปล่าที่ทำให้คนขี้เกียจไม่ขยัน..น่าวิเคราะห์กันต่อไป)

“ด้วยเหตุนี้ ที่ทำให้ผู้ใช้แรงงาน หรือคนชั้นกลางจำนวนมากซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของอเมริกา ไม่อยากเสียเงินไปกับการซื้อประกันสุขภาพ ซึ่งตกเดือนละ 50-100 เหรียญ ดูเหมือนจะไม่เยอะ แต่ต้องไม่ลืมว่าค่าครองชีพในเมืองใหญ่ที่มีงานให้เลือกทำเยอะๆ นั้น มันสูงแค่ไหน มีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเยอะแยะไปหมด นี่ไม่รวมภาษีที่แพงอยู่แล้วด้วย ดังนั้น คนชั้นกลางระดับผู้ใช้แรงงานในอเมริกา เมื่อไม่เข้าเกณฑ์ผู้มีรายได้น้อยก็ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง

“ทีนี้เมื่อ “โควิด-19” ระบาด คนกลุ่มแรกที่เดือดร้อนสุด คือ คนที่ไม่ได้ซื้อประกันสุขภาพ (ตัวเลขปี 2018 ประมาณ 35 ล้านคน) จะใช้หลักเข้ารักษาแบบฉุกเฉินซึ่งถ้ายามปกติ การให้บริการเป็นแบบมาเร็วไปเร็ว คือ รีบตรวจแล้วรีบส่งกลับบ้าน แนะนำให้ไปซื้อยากินเองที่บ้าน แต่หากซื้อประกันสุขภาพก็จะดูแลอีกแบบ

“ขณะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งรัฐซื้อประกันสุขภาพให้อยู่แล้ว แต่ยามไม่ปกติแบบนี้ ก็จะเหมือนกันคือ โรงพยาบาล หรือ คลินิก ไม่รับรักษาเพราะต้องรับมือกับโควิค19 เป็นหลัก แม้แต่เมื่อเป็นโควิด-19 แล้ว ก็จะให้พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน หาซื้อยากินเอาเองซึ่งยาก็หาซื้อไม่ได้ ไม่นับรวมหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ ซึ่งตอนนี้ขาดตลาดมาเป็นเดือนแล้ว ถ้าสั่งซื้อออนไลน์ก็ราคาแพงเป็นร้อยเท่าพันเท่า และกว่าจะส่งถึงบ้านก็กินเวลาเป็นเดือน

“จึงกลายเป็นเรื่องที่น่าอเนจอนาถ หรือข่มขื่นใจ ที่หลายครอบครัวต้องปล่อยให้ ญาติพี่น้อง ต้องตายไปอย่างโดดเดี่ยวที่โรงพยาบาล เมื่อไม่อาจจะรักษาตัวต่อไปได้ที่บ้าน ไปถึงโรงพยาบาลก็อยู่ในขั้นสุดท้ายแล้ว

“จึงไม่แปลกใจเลยที่ คุณตูน ฟูตระกูล นักธุรกิจคนไทยในอเมริกา คิดจะย้ายครอบครัวกลับมาอยู่ไทยแบบถาวร เพราะทั้งผมและคุณตูน เห็นตรงกัน (จากที่ได้พูดคุย) ว่า ระบบสาธารณสุขของไทย โดยเฉพาะ 30 บาทรักษาทุกโรค ดีกว่าระบบสาธารณสุขของอเมริกาอย่างมาก ยิ่งภาวะไม่ปกติของการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ในเวลานี้

“แต่หากถามว่าแล้วผมไม่คิดจะกลับไทยหรือ (แม้ไม่มีคดีการเมือง) คำตอบก็ยังคงยืนยนว่า ไม่ เพราะหากมองให้ลึกไปกว่านั้น ต้องไม่ลืมว่าที่มาของ โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค มาจากรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น จะแน่ใจได้อย่างไรว่า ความพยายามของรัฐบาลเผด็จการทั้งในเวลานี้หรือในอนาคตที่ ต้องการจะล้มล้าง “โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” จะไม่สำเร็จได้ในวันใดวันหนึ่ง ... และถึงกระนั้นก็เหอะ หากไม่ตายด้วย โควิด-19 ในต่างประเทศ แต่ด้วยแผนการสืบทอดอำนาจของฝ่ายเผด็จการไทย ยิ่งไม่แน่ใจว่า อายุขัยของเราจะได้ทันเห็น “ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์” เกิดขึ้นในประเทศไทยได้หรือไม่...อยู่ดี”

อ่านประกอบ :
5 ปีสู้ไม่ไหว! "จอม เพชรประดับ" โยนผ้าอำลาสังเวียน
"จอม เพชรประดับ" ขับอูเบอร์หาเลี้ยงทำสื่อ เผยได้สถานะผู้ลี้ภัยสหรัฐฯ มาแล้ว 2 ปี



กำลังโหลดความคิดเห็น