พบอดีตพิธีกรข่าว "จอม เพชรประดับ" หนีรัฐประหาร หันมาขับอูเบอร์เลี้ยงชีพ ควบคู่ทำคลิปวิจารณ์ไทยในยูทูป หลังได้สถานะผู้ลี้ภัยเมื่อ 2 ปีก่อน ระบุ รายได้ยังพอยาไส้ ไม่เกินค่าจ้างขั้นต่ำ แต่ไม่แนะนำเพราะที่อื่นดีกว่านี้ แต่ยืดหยุ่นมีเวลาทำสื่อมากขึ้น ชี้ใช้ชีวิตลำบาก ถูกชุมชนไทยมองเป็นคนร้าย อ้าง คสช. ใส่ร้าย
วันนี้ (22 พ.ค.) นายจอม เพชรประดับ อดีตผู้สื่อข่าวและพิธีกรรายการสถานีโทรทัศน์ไอทีวี และวอยซ์ทีวี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าววีโอเอ (VOA) ภาคภาษาไทย ถึงการใช้ชีวิตในฐานะผู้ลี้ภัยในนครลอสแอนเจลิส ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเผยแพร่ในโอกาสครบรอบ 5 ปี เหตุการณ์รัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุว่า ตนได้หันไปยึดอาชีพคนขับรถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชั่น "อูเบอร์" (UBER) เพื่อหารายได้เลี้ยงชีพ ระหว่างที่งานหลัก คือการทำสื่อออนไลน์ นำเสนอเนื้อหาและสัมภาษณ์บุคคลวิพากษ์วิจารณ์การเมืองในประเทศไทยผ่านทางยูทูป
นายจอม กล่าวว่า ตนขับอูเบอร์เกือบทุกวัน ช่วงวันจันทร์ วันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นช่วงที่หยุดทำสื่อ เหตุผลหลักคือเนื่องจากมีความยืดหยุ่นในเรื่องของเวลา ระหว่างที่ทำสื่อออนไลน์ควบคู่ไปด้วย ทำให้มีเวลาที่จะอัปเดทข่าว ทำคลิปข่าว และสัมภาษณ์แหล่งข่าวซึ่งเวลาที่มีให้ไม่ตรงกัน เมื่อเทียบกับการทำงานประจำแบบเช้าไปเย็นกลับ หรือตายตัวเรื่องเวลา ก็พลาดที่จะตามข่าวหรือตามสัมภาษณ์แหล่งข่าวที่เมืองไทย หรือแม้แต่แหล่งข่าวในประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ตนไม่แนะนำให้ทำเป็นอาชีพหลัก เพราะว่ามีงานอื่นในอเมริกาที่รายได้ดีกว่านี้ถ้าคิดต่อชั่วโมง แต่ว่าคำนวณแล้วอูเบอร์ก็จะให้ไม่เกินอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของในแต่ละพื้นที่
นายจอม เล่าย้อนไปถึงช่วงที่ออกจากประเทศไทยหลังรัฐประหารปี 2557 มองว่า จากการประเมินเห็นว่าปัญหาทางการเมืองจะลงลึกกว่าที่คิด และดึงประเทศย้อนหลังลงกว่าการปฏิวัติรัฐประหารที่ผ่านมา จึงตัดสินใจยุติอาชีพสื่อชั่วคราว มาใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศสัก 3-4 เดือน ก่อนตัดสินใจมาขอลี้ภัยในอเมริกา และเพิ่งได้รับสถานะผู้ลี้ภัยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ความช่วยเหลือของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็มีในระดับหนึ่ง พอที่จะยังชีพได้ ขณะเดียวกันก็ต้องเลี้ยงตัวเองให้ได้ด้วย เพื่อที่จะได้เอาแรงมาใช้ทำงานสื่อ อย่างไรก็ตาม การใช้ชีวิตในอเมริกาเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะโดนคดีไม่ไปรายงานตัวต่อ คสช. ทำให้ถูกมองว่าเป็นผู้ก่อการร้าย อีกทั้งรัฐบาลพยายามใส่ร้ายว่าเป็นคนล้มเจ้า ทำร้ายประเทศชาติ เอาประเทศไทยของเราไปประจานให้กับชาวโลกได้รับรู้
"การที่เราจะอยู่กับสังคมไทยในสหรัฐอเมริกาเอง มันก็อยู่ด้วยความลำบาก สำหรับคนไทยที่ยังเชื่อว่ายังฟังแต่รัฐบาลเผด็จการ ก็มองว่าเราเป็นคนร้ายในมุมมองของเขาเหมือนกัน ดังนั้นในเชิงของเราที่ต้องไปทำงานกับธุรกิจคนไทย ก็จะค่อนข้างยาก เขาก็ไม่รับสิ เพราะว่าเขาต้องดีลกับประเทศไทยในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องธุรกิจ เรื่องของการที่ต้องทำงานด้วย ถ้าเกิดเขารู้ว่าคนๆ นี้ทำงานอยู่ในธุรกิจของเขา เขากลับเมืองไทยไม่ได้ อาจจะถูกเพ่งเล็ง ธุรกิจเขาอาจจะเสียหาย" นายจอม กล่าวและว่า "เขาอาจจะเข้ามาคุยกับเราได้ แต่พอจะถ่ายรูป ก็อาจจะเป็นแบบ เฮ้ย! พี่ไม่ถ่ายกับน้องนะพี่เข้าใจนะ คือเหมือนกับเราเป็นตัวประหลาด เราเหมือนเราเป็นตัวที่น่ารังเกียจในสังคมนี้"
ด้านนายสุนัย จุลพงศธร อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย ที่หลบหนีคดีความมั่นคง เปิดเผยว่า ตนเดินทางขอลี้ภัยในสหรัฐฯ หลังการรัฐประหาร ตระเวนขอพักอาศัยตามบ้านของชาวชุมชนไทยในอเมริกาที่ให้การสนับสนุน หมุนเวียนไปตามรัฐต่างๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้ คสช. รู้ว่าตนอยู่ที่ไหน ยืนยันว่าไม่ได้หนีคดีอาญา ผิดเพียงอย่างเดียวคือไม่ไปรายงานตัว เพราะฉะนั้นการออกมาต่างประเทศ ไม่ใช่การหนี แต่เป็นการออกมาตั้งหลักสู้ เพราะหากสู้ในประเทศ จะถูกจับกุมให้ไปลงนามสัญญาอายัดทรัพย์สิน ไม่ให้ทำธุรกรรมทางบัญชี ข่มขู่ว่าถ้าพูดการเมืองแล้วจะถูกเล่นงาน ปัจจุบันทำรายการสดเผยแพร่ทางเฟซบุ๊กไลฟ์ ส่วนการกลับประเทศไทยนั้น มองว่าเงื่อนไขสำคัญด้านความเชื่อมั่นและความเป็นธรรมต่อผู้ที่เห็นต่างทางการเมืองยังไม่เกิดขึ้น
อ่านประกอบ : คุยกับ 'จอม-สุนัย' ผู้ลี้ภัยการเมืองในสหรัฐฯ หลัง 5 ปีรัฐประหาร 2557 จากเว็บไซต์ VOATHAI