xs
xsm
sm
md
lg

ศาลลาวตัดอิสรภาพเอื้อยฮัก คุก 5 ปีเศษ ปรับนับแสน ลักลอบพาผัวและเพื่อน แพร่เชื้อโควิด-19 ทั้งเวียงจันทน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศาลประชาชนนครหลวงเวียงจันทน์ พิพากษาจำคุก 5 ปี 1 เดือนเศษๆ “เอื้อยฮัก” พี่สาวคนสนิท “ตี๊นา สุดทิดา” นักศึกษา-นางแบบดังแห่ง สปป.ลาว ปรับเงินอีก 1.8 แสนบาทเศษ หลังพาแฟนหนุ่มและเพื่อนคนไทย ลักลอบเข้าประเทศผิดกฎหมาย แถมให้ “ตี๊นา” พาทัวร์นครหลวงเวียงจันทน์ เกิดคลัสเตอร์แพร่เชื้อไปทั่ว ส่วน “ตี๊นา” เจอข้อหาแพร่เชื้อร้ายแรง คุก 3 ปี 7 เดือนเศษ ปรับเกือบแสน คนดีลลอบเข้าเมือง อดีตตำรวจสื่อสาร คนพายเรือไปส่งฝั่งไทยก็ไม่รอด

วันนี้ (15 ก.ค.) สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) รายงานว่า ที่ศาลประชาชนนครหลวงเวียงจันทน์ ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีที่ นางมอนมีนา สุดทิดา หรือ ตี๊นา สุดทิดา นักแสดง นางแบบที่มีชื่อเสียง และนักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการตลาด คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งชาติ (ดงโดก) ซึ่งติดเชื้อโควิด-19 พร้อมด้วย นางพาวะดี วิพากอน หรือ ตุ๊กติ๊ก พี่สาวคนสนิท หรือเอื้อยฮักของ น.ส.มอนมีนา พร้อมพวกรวม 6 คน ในความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดส่งกลับหรือเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย การแพร่เชื้อโรคร้ายแรง (ภาษาลาวคือ เชื้อพยาธิ) และการปิดบังการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญาของ สปป.ลาว มาตรา 128 วรรคสอง, มาตรา 199 วรรคสาม และมาตรา 380 วรรคหนึ่ง ตามคำสั่งของสำนักงานอัยการนครหลวงเวียงจันทน์ ฉบับที่ 774-779 ลงวันที่ 29 มิ.ย. 2564

ประกอบด้วย นางพาวะดี วิพากอน จำเลยที่ 1 อายุ 26 ปี สัญชาติลาว อาชีพค้าขาย อยู่บ้านหลัก 2 เมืองสาละวัน แขวงสาละวัน ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2564 กระทำผิดทางอาญาในข้อหาพยายามนำคนเข้า-ออกนอกประเทศอย่างผิดกฎหมาย การแพร่เชื้อโรคที่ร้ายแรง และการปิดบังการกระทำผิด, นางมอนมีนา สุดทิดา จำเลยที่ 2 อายุ 22 ปี สัญชาติลาว อาชีพนักศึกษา อยู่บ้านโพนสะหว่าง เมืองจันทะบูลี นครหลวงเวียงจันทน์ กระทำผิดทางอาญาในข้อหาการแพร่เชื้อโรคร้ายแรง และการปิดบังการกระทำผิด, นายพาน ไซยะลาด จำเลยที่ 3 อายุ 46 ปี สัญชาติลาว อาชีพกรรมกร อยู่บ้านหมากนาวเหนือ เมืองปากงึม นครหลวงเวียงจันทน์ กระทำผิดทางอาญาในข้อหาพยายามนำคนเข้า-ออกประเทศอย่างผิดกฎหมาย

นายพูใส สีสะหวัน จำเลยที่ 4 อายุ 34 ปี สัญชาติลาว อาชีพว่างงาน อยู่บ้านโพนสะหว่างใต้ นครไกสอน พมวิหาน แขวงสะหวันะเขต กระทำผิดในข้อหาการแพร่เชื้อโรคร้ายแรง และการปิดบังการกระทำผิด, นางสอนนาลี ดวงสะหวัด จำเลยที่ 5 อายุ 21 ปี สัญชาติลาว อาชีพเสริมสวย อยู่บ้านสะหนามไซ นครไกสอน พมวิหาน แขวงสะหวันะเขต และ นายสมปะสง สุลิยะวงสา หรือ หำ จำเลยที่ 6 อายุ 24 ปี สัญชาติลาว อาชีพกรรมกร อยู่บ้านท่าแร่ นครไกสอน พมวิหาน แขวงสะหวันะเขต กระทำผิดทางอาญาในข้อหาพยายามนำคนเข้า-ออกประเทศอย่างผิดกฎหมาย และการปิดบังการกระทำผิด ที่ส่งผลถึงความสงบของชาติและชีวิต, สุขภาพ, ศักดิ์ศรีของบุคคล, ระเบียบการบริหาร, การยุติธรรม, เสถียรภาพทางด้านเศรษฐกิจ, ความสงบสุข และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม ตามประมวลกฎหมายอาญาของ สปป.ลาว มาตรา 128, 189 และ 380

ศาลพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 6 คน เป็นการกระทำผิดโดยเจตนา เพราะรู้ดีว่าโรคโควิด-19 กำลังระบาดอย่างรุนแรงในหลายประเทศทั่วโลก นับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา โดยเฉพาะประเทศไทย เป็นประเทศที่มีความเสี่ยง และยิ่งไปกว่านั้น ทางการลาวได้มีคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ฉบับเลขที่ 06 ลงวันที่ 21 มี.ค. 2563 และฉบับเลขที่ 15 ลงวันที่ 21 เม.ย. 2564 พร้อมกับยังได้มีการปิดด่านเข้า-ออกระหว่างประเทศ เนื่องจากการแพร่ระบาดร้ายแรงของโรคโควิด-19 ที่สำคัญ พวกเขามีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ดี และครบกำหนดทางอาญาแล้ว

เมื่อผ่านการพิจารณาด้วยเหตุผลและหลักฐานที่ครบถ้วนของคณะผู้พิพากษา เห็นว่า การกระทำของนางพาวะดี จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 128 วรรคสอง, มาตรา 199 วรรคสาม และมาตรา 380 วรรคหนึ่ง, นางมอนมีนา จำเลยที่ 2 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199 วรรคสาม และมาตรา 380 วรรคหนึ่ง, นายพาน จำเลยที่ 3 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 128 วรรคสอง, นายพูใส จำเลยที่ 4 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199 วรรคสาม และมาตรา 380 วรรคหนึ่ง นางสอนมาลี และ นายสมปะสง จำเลยที่ 5 และ 6 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 128 วรรคสอง และมาตรา 380 วรรคหนึ่ง

ดังนั้น ศาลประชาชนนครหลวงเวียงจันทน์ จึงพิจารณาตัดอิสรภาพ พิพากษาให้นางพาวะดี จำคุก 5 ปี 1 เดือน 15 วัน พร้อมปรับเป็นเงิน 52,500,000 กีบ (ประมาณ 180,533 บาท), นางมอนมีนา จำคุก 3 ปี 7 เดือน 15 วัน พร้อมปรับเป็นเงิน 27,500,000 กีบ (ประมาณ 94,570 บาท), นายพาน จำคุก 1 ปี 6 เดือน พร้อมปรับเป็นเงิน 25,000,000 กีบ (ประมาณ 85,974 บาท), นายพูใส จำคุก 3 ปี 7 เดือน 15 วัน พร้อมปรับเป็นเงิน 27,500,000 กีบ ส่วน นางสอนมาลี และ นายสมปะสง จำคุกคนละ 1 ปี 7 เดือน 15 วัน พร้อมปรับเป็นเงิน 25,000,000 กีบ

อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา นางพาวะดี จำเลยที่ 1 เป็นผู้ติดต่อนายชิตพล จันทร์ขาว อายุ 30 ปี ชาว อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด และ นายธนกฤต อินทริง อายุ 31 ปี ชาว อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ลักลอบนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงด้านจังหวัดมุกดาหาร ประเทศไทย โดยมี นางสอนมาลี จำเลยที่ 5 เป็นผู้ไปรับคนไทยที่ลักลอบขัามแดน มาจากฝั่งมุกดาหาร โดยว่าจ้างคนไทยขับเรือหางยาวมาส่ง จากนั้น นายสมปะสง จำเลยที่ 6 เป็นผู้ขับรถจัมโบ้ พาคนไทยไปหานางพาวะดี โดยมี นายพูใส จำเลยที่ 4 ขณะนั้นเป็นตำรวจสื่อสาร เป็นผู้ให้การสนับสนุนนางพาวะดี และใช้อำนาจหน้าที่ตำรวจช่วยคนไทยลักลอบเข้าเมือง จากนั้น นางพาวะดี พร้อมด้วย นายชิตพล และ นายธนกฤต เข้ามาพักอยู่โรงแรมสายแพไหม 2 แขวงสะหวันนะเขต ต่อมาได้พาชายไทยทั้งสองคนไปร้องเพลงคาราโอเกะ กระทั่งเวลา 20.00 น.ได้นั่งรถโดยสารประจำทางจากแขวงสะหวันนะเขต มายังนครหลวงเวียงจันทน์

ต่อมาวันที่ 7 เม.ย. น.ส.พาวะดี และชายไทย 2 คน ถึงนครหลวงเวียงจันทน์ เข้าพักที่โรงแรมเจือง 2 เมืองจันทะบุลี โดยมี น.ส.มอนมีนา จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนักแสดง นางแบบ และนักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการตลาด คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งชาติ (ดงโดก) สปป.ลาว ได้ไปต้อนรับ จากนั้นระหว่างวันที่ 8-12 เม.ย. น.ส.มอนมีนา ได้พา น.ส.พาวะดี และชายไทยทั้งสองคนไปไหว้พระที่วัดสีเมือง และกินเที่ยว ทั้งร้านอาหาร คลับบาร์ คาราโอเกะ และร้านนวด กระทั่งวันที่ 13 เม.ย. ชายไทยทั้งสองคนมีอาการไข้ ปวดเนื้อปวดตัว แต่ไม่ได้พบกับ น.ส.มอนมีนา ต่อมาวันที่ 15 เม.ย. น.ส.พาวะดี พาชายไทยทั้งสองออกจากโรงแรม เดินทางกลับประเทศไทย โดยว่าจ้างนายพาน จำเลยที่ 3 นำเรือหางยาวลักลอบข้ามแม่น้ำโขง จากที่บ้านหมากนาว เมืองปากงึ่ม นครหลวงเวียงจันทน์ ไปขึ้นฝั่งไทยที่บ้านเดื่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย

ต่อมาวันที่ 16 เม.ย. น.ส.พาวะดี รู้สึกไม่สบาย จึงได้ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลหนองคาย พร้อมกับ นายชิตพล และ นายธนกฤต ผลปรากฏว่า น.ส.พาวะดี ติดเชื้อโควิด-19 กระทั่งวันที่ 17 เม.ย. น.ส.พาวะดี ได้โทรศัพท์หา น.ส.มอนมีนา จำเลยที่ 2 แจ้งว่าทั้งสามคนติดโควิด-19 หนึ่งในนั้นมีอาการหนัก ต่อมา น.ส.มอนมีนา รู้สึกไม่สบาย จึงเดินทางไปตรวจหาเชื้อโควิดที่โรงหมอมิดตะพาบ 150 เตียง พบผลเป็นบวก จึงถูกแยกตัวออกมารักษาอาการป่วย กลายเป็นผู้ป่วยลำดับที่ 59 ของ สปป.ลาว และเป็นต้นตอคลัสเตอร์ กระทั่งวันที่ 20 เม.ย. คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งชาติ (ดงโดก) ได้ออกหนังสือด่วนเรื่องรายงานผลตรวจเชื้อโควิดของนักศึกษา โดยระบุว่า น.ส.มอนมีนา ติดเชื้อโควิดจากผู้หญิงที่มาจากแขวงสะหวันนะเขต ซึ่งมีสามีเป็นคนไทย ขณะที่ทางการ สปป.ลาว ออกคำสั่งลงวันที่ 20 เม.ย. ปิดร้านฟันนี่ 89 บ้านท่าสว่าง เมืองชัยธานี และร้านนวด 1111 บ้านหนองบอน เมืองไชยเชษฐา พร้อมกับสั่งปิดชั่วคราวบางกิจการ และบางสถานที่ รวม 8 แห่ง พร้อมกำชับให้ร้านอาหาร กิจการ และสถานที่ต่างๆ ต่องเข้มงวดมาตรการป้องกันของคณะเฉพาะกิจฯ ของ สปป.ลาว

กรมตำรวจตรวจคนเข้า-ออกเมือง กรมใหญ่สันติบาล กระทรวงป้องกันความสงบ สปป.ลาว ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ประเทศไทย ตามกลไกความร่วมมือทวิภาคี เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย (ตม.หนองคาย) จึงได้ควบคุมและอายัดตัว นางพาวะดี นายชิตพล และ นายธนกฤต ได้ที่โรงพยาบาลหนองคาย ก่อนดำเนินคดีกับนางพาวะดี และนายชิตพล ไปดำเนินคดีหลังรักษาหายแล้ว ส่วนนายธนกฤตขณะนั้นอาการหนัก จากนั้นวันที่ 30 เม.ย. เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย (ตม.หนองคาย) ได้ส่งตัว น.ส.พาวะดี มาดำเนินคดีที่ สปป.ลาว ขณะที่นายชิตพลและนายธนกฤตถูกตั้งข้อหาเป็นบุคคลสัญชาติไทยเดินทางเข้ามาและออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านเขตท่า หรือสถานี ตามประกาศในกฎกระทรวง และไม่ผ่านการตรวจจากเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองประจำเส้นทางนั้น และ ร่วมกันให้ความช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือให้ความช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยผิดกฎหมายให้พ้นการถูกจับกุม โดยนายชิตพลสารภาพว่าลักลอบเข้าเมืองจริง แต่ไม่ขอให้การในชั้นสอบสวน

อ่านประกอบ : ลาวเอาจริง! รับตัว “เอื้อยฮัก” ดำเนินคดีสถานหนัก หลังนำ 2 หนุ่มไทยเที่ยวสงกรานต์แพร่เชื้อโควิด
อายัดตัวหนุ่มไทยสาวลาวรักษาโควิดหายแล้วดำเนินคดีหลบหนีเข้าเมือง






กำลังโหลดความคิดเห็น