ผบช.สตม.แถลงจับกุมเครือข่ายลักลอบพาแรงงานต่างด้าวเข้าไทยผิดกฎหมาย
วันนี้ (15 ก.ค.) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6 พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผบก.ตม.6 พ.ต.อ.ภคยศ ทนงศักดิ์ ผกก.สส.บก.ตม.6 ร่วมแถลงข่าว คดีแรกชุดสืบสวน ตม.จว.ชุมพร ร่วมกับตำรวจ ภ.จว.ชุมพร และตำรวจ สภ.ละแม ภ.จว.ชุมพร ตั้งจุดตรวจความมั่นคงทุ่งสวรรค์ ถ.เอเชีย 41 ต.สวนแตง อ.ละแม จ.ชุมพร พบรถตู้โดยสารไม่ประจำทางต้องสงสัย ทะเบียนภูเก็ต จึงขอตรวจค้นพบ นายธนัตถ์กรณ์ อายุ 47 ปี สัญชาติไทย เป็นผู้ขับขี่ ภายในรถพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีนและมาเลเซีย 6 คน มีหนังสือเดินทาง 4 คน แต่ไม่ผ่านการตรวจอนุญาตฯ และ 2 คน ไม่มีหนังสือเดินทาง จึงจับกุม นายธนัตถ์กรณ์ ข้อหา “ร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” และจับกุมบุคคลต่างด้าวทั้ง 6 คน ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำส่ง พงส.สภ.ละแม จว.ชุมพร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสืบสวนขยายผล ของ ตม.จว.ชุมพร ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6 โดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทาง ซักถามผู้ต้องหา และเส้นทางการเงิน นายธนัตถ์กรณ์ ให้การว่ารับการว่าจ้างจากนายประสิทธิ์ ซึ่งรู้จักกันมาหลายปี โดยมีหลักฐานการโอนเงินจากนายประสิทธิ์ ให้นายธนัตถ์กรณ์ เป็นค่าจ้าง จำนวน 3,300 บาท ติดต่อให้รับคนต่างด้าว 6 คน ที่โรงแรมในตัวเมืองหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อไปส่งที่กรุงเทพมหานคร บริเวณ ถนนพระราม 2 ราคา 16,000 บาท โดยมีนายปวิตร ลูกชายนายประสิทธิ์ ทำหน้าที่ประสานงานและให้การช่วยเหลือในการกระทำความผิดครั้งนี้ด้วย
จากนั้นประสาน ตม.จว.สงขลา และ กก.สส.บก.ตม.6 ตรวจสอบข้อมูลกล้องวงจรปิดที่โรงแรม พบว่า มี นายจิรพัทธ์ ทำหน้าที่เปิดห้องพักให้คนต่างด้าวเข้าพักที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และนายบาราเห็ง อายุ 58 ปี ทำหน้าที่รับขนคนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้มาส่งที่โรงแรมใน อ.หาดใหญ่ จากการตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงิน พบว่า นายประสิทธิ์ ได้รับการว่าจ้างจากนายอุทัย โดยมีหลักฐานการโอนเงินทางบัญชี และนายอุทัย ได้รับการว่าจ้างต่อจากนางยัน สัญชาติเมียนมา โดยมีหลักฐานการโอนเงินจาก น.ส.สุทิศา ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของนางยัน และยังตรวจสอบพบหลักฐานการโอนเงินของนายมาหมัด ให้นายบาราเห็ง เพื่อเป็นค่าจ้างในการขนคนต่างด้าวด้วย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดนำส่ง พงส.สภ.ละแม จว.ชุมพร เพื่อประกอบการขอออกหมายจับต่อไป
คดีที่ 2 พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่าชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6 สภ.หาดใหญ่ และ ส.รฟ.หาดใหญ่ กก.3 บก.รฟ. ทลายเครือข่ายลักลอบ ช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง รายสำคัญ โดยจับกุมนายโสภณ หรือ อ้วน อายุ 46 ปี สัญชาติไทย นายหน้าผู้ให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวขณะพยายามลักลอบขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางไปกรุงเทพมหานคร โดยกล่าวหาว่า “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวนั้นพ้นการจับกุมจากพนักงานเจ้าหน้าที่” พร้อมคนต่างด้าว รวม 3 คน สัญชาติจีน 2 คน สัญชาติ มาเลเซีย 1 คน โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” บริเวณชานชาลาที่ 3 สถานีรถไฟหาดใหญ่ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นำส่ง พงส.สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสืบสวนขยายผล ตรวจสอบข้อมูลทางเทคนิค ข้อมูลเส้นทางการเงิน ตรวจสอบกล้องวงจรปิด รวมไปถึงปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายต้องสงสัย ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนต่างด้าวทั้ง 3 คน หลบหนีเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้าน จว.นราธิวาส โดยการชักชวนของนายหน้าสัญชาติมาเลเซีย ซึ่งติดต่อกับนางยัน หรืออาชิว อายุ 54 ปี สัญชาติเมียนมา และนายหว่อง อายุ 54 ปี สัญชาติมาเลเซีย นายหน้าฝั่งประเทศไทย ต่อมาเมื่อคนต่างด้าวสามารถลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรได้แล้ว นายหว่อง จะทำการติดต่อนายบาราเห็ง อายุ 58 ปี สัญชาติไทย ให้นำพาคนต่างด้าวมาพักคอยที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่บ้านด่านนอก ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา จำนวน 1 คืน ก่อนที่ นายหว่อง จะรับคนต่างด้าวทั้งหมดมาส่งต่อให้นายโสภณ ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อที่นายโสภณ จะได้รับช่วงนำพาคนต่างด้าวต่อไปยังกรุงเทพฯ ก่อนที่จะถูกจับกุม ซึ่งคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองชี้ภาพยืนยันว่านายบาราเห็ง เป็นผู้ครอบครองรถแท็กซี่และเป็นผู้ขับขี่รับพวกตนพามาส่งที่โรงแรม
ต่อมาชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา นำหมายค้นศาลจังหวัดนาทวี เข้าตรวจค้นที่บ้านนางยัน ผลการตรวจค้นพบนางยัน พักอาศัยอยู่ และพบหลักฐานสมุดบัญชีที่ใช้ โอนเงินให้นายโสภณ เป็นค่านำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง, โทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อ และหลักฐานอื่นๆ รวม 16 รายการ นำส่ง พงส.สภ.หาดใหญ่ ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหานางยัน ในข้อหา “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุมจากพนักงานเจ้าหน้าที่” จากนั้นจับกุมนายหว่อง และนายบาราเห็ง ที่ได้เข้ามอบตัว นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป