BMW ยืนยันฤกษ์เปิดตัวรถขับขี่อัตโนมัติระดับ 3.5 “iNext” ปี 2021 โดยจะเป็นรถไฟฟ้าวิ่งได้ระยะทาง 500 กิโลเมตร ใช้โครงสร้างน้ำหนักเบา เตรียมทดสอบในเยอรมนี อเมริกา และอิสราเอลภายในปลายปีนี้ ส่วนรถอัตโนมัติเต็มรูปแบบระดับ 5 จะออกมาไม่เกินปี 2030 ระหว่างนี้บริษัทยังมีแผนพัฒนายานยนต์ไร้คนขับสำหรับบริการรถร่วมโดยสารในเมือง ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้เป้าหมายในการทำให้การขับขี่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
BMW ประกาศแผนพัฒนารถยนต์ไร้คนขับครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้น ค่ายรถหรูเมืองเบียร์แห่งนี้บอกว่า จะร่วมกับบริษัทไฮเทคสองแห่งคือ อินเทลและโมบิลอาย นำเสนอรถยนต์อัตโนมัติภายในปี 2021 ล่าสุดในงานแถลงข่าวช่วงปลายเดือนพฤษภาคม บริษัทยืนยันว่า นวัตกรรมดังกล่าวจะเป็นรถอัตโนมัติระดับ 3.5 ซึ่งเป็นการเติมเต็มช่องว่างระหว่างระดับ 3 และ 4 โดยระดับ 3 นั้นหมายถึงการขับขี่อัตโนมัติที่ยังต้องมีการแทรกแซงจากคนขับในบางสถานการณ์ คนขับจึงสามารถละสายตาไปอ่านหนังสือหรือตอบอีเมลได้บ้าง ส่วนระดับ 4 คนขับจะผ่อนภาระได้มากขึ้นถึงขั้นที่ถ้าจำเป็นก็สามารถหลับได้
สำหรับระดับ 5 รถสามารถขับเคลื่อนเองโดยไม่ต้องมีคนขับ ซึ่ง BMW จะนำเสนอเทคโนโลยีนี้ภายในปี 2030
ทั้งนี้ รถรุ่นปัจจุบันของ BMW เช่น ซีรี่ส์ 7 และซีรี่ส์ 5 ติดตั้งระบบอัตโนมัติระดับ 2 เท่านั้น โดยอยู่ในรูประบบช่วยการขับขี่เพื่อลดภาระของคนขับ
ช่วงต้นปีนี้ BMW เกริ่นถึงน้องใหม่ภายใต้แบรนด์ย่อย “i’ ในชื่อ iNext แต่เพิ่งมาให้รายละเอียดว่า รถรุ่นนี้จะเปิดตัวในปี 2021 โดยใช้โนว์ฮาวของอินเทลและโมบิลอายในการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จำเป็นสำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ โดย iNext จะเป็นรถไฟฟ้าที่มีระยะการขับขี่ 500 กิโลเมตร
นอกจากนั้น BMW ยังมีแผนพัฒนาระบบขนส่งในเมือง ซึ่งรวมถึงกลยุทธ์บริการรถร่วมโดยสารไร้คนขับ
แอมนอน ชาชัว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของโมบิลอาย แจงว่า รถอัตโนมัติของ BMW จะแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนคือ วางตา-วางใจ-ไร้คนขับ
อย่างไรก็ตาม ฮารัลด์ ครูเกอร์ ประธานกรรมการ BMW สำทับว่า ความปลอดภัยคือเป้าหมายสำคัญสูงสุดเสมอ และขณะนี้ บริษัทยังไม่ได้กำหนดรายละเอียดการขับขี่อัตโนมัติระดับสุดท้าย เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ยังต้องพัฒนากันต่อไปเพื่อให้รถไร้คนขับใช้ได้จริง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการมีพันธมิตรอย่างอินเทลและโมบิลอายช่วยให้ภารกิจเหล่านี้ง่ายดายและมีความคืบหน้าเร็วขึ้น
ประเด็นความปลอดภัยกลายเป็นตัวขโมยซีนในงานแถลงข่าวเปิดตัวการร่วมเป็นพันธมิตร หลังจากมีการพาดพิงถึงอุบัติเหตุของรถอัตโนมัติของเทสลา แต่ครูเกอร์ก็ถือโอกาสนี้ชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นคำอธิบายสำหรับข้อสงสัยที่ว่า เหตุใดเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติจึงยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานจริงในปัจจุบัน
ปัญหาและอุปสรรคสำหรับรถยนต์ไร้คนขับครอบคลุมถึงข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการ เช่น ระบบเซ็นเซอร์ คอมพิวเตอร์ และข้อมูล GPS ความละเอียดสูง รวมทั้งการที่กรอบโครงกฎหมายที่ใช้อยู่ยังไม่เอื้ออำนวย
ประธานกรรมการ BMW ยังสรุปเป้าหมาย 4 ข้อหลักสำหรับยานยนต์แห่งอนาคตคือ อัตโนมัติ เชื่อมต่อ ปลอดไอเสีย และการใช้ร่วมกัน
ครูเกอร์ยืนยันว่า รถอัตโนมัติของบริษัทจะยังคงคุณค่าและระดับความบันเทิงที่มีอยู่ในรถ BMW ทุกคัน และแพล็ตฟอร์มที่ทั้งสามบริษัทร่วมกันพัฒนาอยู่ในขณะนี้จะเปิดกว้างให้ค่ายรถอื่นนำไปปรับใช้ได้
BMW ยังเผยแพร่รายงานความยาว 19 หน้าที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการวิจัยและพัฒนารถอัตโนมัติของบริษัท
ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทยืนยันว่า แม้ปัญหาเชิงจริยธรรมที่ว่า ถ้ารถต้องตัดสินใจในสถานการณ์คับขันที่ต้องเลือกระหว่างชีวิตคนเดินถนน ผู้ใช้รถคนอื่นๆ หรือผู้โดยสารภายในรถของตัวเองนั้น เป็นประเด็นที่สำคัญแต่แทบไม่มีวันเกิดขึ้นในชีวิตจริง
อย่างไรก็ตาม หากอยู่ในสถานการณ์ก้ำกึ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นดังกล่าว รถอัตโนมัติรุ่นแรกๆ ได้รับการออกแบบมาให้เบรกอย่างเต็มที่ทันที แต่ถ้าตรวจพบว่า การใช้เบรกครั้งแรกไม่สามารถหลีกเลี่ยงแนวโน้มการชนได้ ระบบจะสแกนเพื่อหาทางหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวางและเปลี่ยนไปยังพื้นที่ว่างถ้าทำได้
แต่ถ้าทำไม่ได้ รถจะคงเส้นทางเดิมแต่ใช้แรงเบรกเต็มที่อีกครั้งเพื่อให้การชนเกิดขึ้นในระดับความเร็วต่ำที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
BMW เสริมว่า รถอัตโนมัติของบริษัทจะขับเคลื่อนด้วยความเร็วในระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ เช่น อาจใช้ความเร็วต่ำกว่าขีดจำกัดสูงสุดที่กฎหมายกำหนดในบริเวณที่มีการจราจรพลุกพล่าน นอกจากนั้นเซ็นเซอร์ของรถยังสามารถตรวจพบสถานการณ์อันตรายตั้งแต่เนิ่นๆ
สุดท้ายค่ายรถหรูแห่งนี้บอกว่า ได้สร้างสนามทดสอบรถอัตโนมัติแห่งใหม่ใกล้เมืองมิวนิก นอกจากนั้นบริษัทยังมีแผนนำซีรี่ส์ 7 ระบบขับขี่อัตโนมัติทดสอบในเยอรมนี อิสราเอล และอเมริกาก่อนสิ้นปีนี้