xs
xsm
sm
md
lg

BMW 420d Coupe น้องใหม่แต่เก๋าเหลือเกิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดูจะเป็นการแตกสายพันธุ์และแยกไลน์โปรดักต์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อ“ซีรีส์4”ไม่ได้เป็นเพียงรถที่เข้ามาทำตลาดแทน“ซีรีส์3 คูเป้”ในบทบาทเดียว ทว่าบีเอ็มดับเบิลยูยังพัฒนาตัวถังเปิดประทุน (Convertible) และ 4 ประตูท้ายตัดแบบฟาสแบกต์ (Grand Coupe) ออกมาให้รถอนุกรมนี้อีกด้วย


สำหรับซีรีส์4 เป็นรถที่พัฒนาบนพื้นฐานวิศวกรรมเดียวกับซีรีส์3 ซึ่งเป็นมุขที่บีเอ็มดับเบิลยูใช้เพิ่มความละเอียดของโปรดักต์ ด้วยอนุกรมเลขคู่จะเป็นตัวแทนของรถตัวถังคูเป้ ทั้งซีรีส์1 กับ ซีรีส์2,ซีรีส์5 กับซีรีส์6และเอ็กซ์5 กับ เอ็กซ์6

เมืองไทยซีรีส์4 เปิดตัวครั้งแรกในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ปลายปีที่แล้วกับรุ่นตัวถังคูเป้ จากนั้นในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2014 ที่ผ่านมา เสริมทัพด้วยตัวถังเปิดประทุน ปัจจุบันซีรีส์4 มีขายรวม6 รุ่นย่อย ตัวถังคูเป้มีทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซินโดยดีเซล420d Coupe Sport ราคา 3.799 ล้านบาท และตัวเพิ่มชุดแต่ง M Sport 3.999 ล้านบาท ส่วนเบนซิน 420i Coupe Sport 3.499 ล้านบาท 420i Coupe M Sport 3.699 ล้านบาท ขณะที่ตัวถังเปิดประทุนมีแต่รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 420d Convertible Sport 4.299 ล้านบาท และ420d Convertible M Sport 4.499 ล้านบาท

ผู้เขียนได้ประเดิมขับกับรุ่น 420d Coupe Sport ด้วยรูปลักษณ์ด้านหน้าฝากระโปรง โคมไฟถอดแบบมาจาก “ซีรีส์3” F30 รุ่นขี้ตาไม่ผิดเพี้ยน ส่วนเส้นสายด้านข้างยังดูปราดเปรียว เพียงแต่ประตูหายไปสองบาน ขณะที่หลังคาต้ำเตี้ย ประเมินความสูงน่าจะต่ำกว่าซีรีส์3 อยู่พอสมควร ส่งผลให้การเข้าออกภายในห้องโดยสารลำบากกว่า แม้จะออกแบบให้บานประตูยาวเพื่ออำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้นก็ตาม

เหมือนกับรถคูเป้ของบีเอ็มดับเบิลยูหลายรุ่นครับ ที่เบาะนั่งคูหน้าจะมีแขนดันเข็มขัดนิรภัยยื่นออกมาให้ผู้ขับและผู้โดยสารตอนหน้าอัตโนมัติหลังจากเข้าไปนั่งประจำการและสตาร์ทเครื่องยนต์ ขณะเดียวกันยังปรับตำแหน่งนั่งด้วยระบบไฟฟ้า เลื่อนหน้าถอยหลังหรือลงต่ำได้สุดๆ เช่นเดียวกับปีกข้างสามารถปรับให้บีบรัดหรือโอบลำตัวเพียงหลวมๆได้ตามความต้องการ


ส่วนการตกแต่งภายในพบกับอารมณ์เดิมๆ ทั้งพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน คันเกียร์แบบจอยสติก หน้าจอแสดงผล พร้อมปุ่มควบคุมไอ-ไดร์ฟ พร้อมปุ่มเลือกโหมดการขับขี่แบบ Sport ,Sport +,Comfort และEco Pro

อย่างไรก็ตามถ้าเริ่มจากการขับขี่ในโหมด Comfort ผู้เขียนว่า 420d แตกต่างจาก 320d พอสมควร โดยเฉพาะช่วงล่างและการควบคุมที่เหมือนซีรีส์4จะ“แข็งแน่น คมปราดเปรียว” กว่า ซีรีส์3 อยู่นิดๆ ซึ่งการออกแบบโคงสร้างและจุดศูนย์ถ่วง ความสมดุล น่าจะมีผลกับการตอบสนองบุคลิกในจุดนี้พอสมควร

420d ขับสนุกครับ ยังไม่ต้องเปลี่ยนโหมดไปไหนผู้เขียนว่าสมรรถนะสมเหตุสมผลดีอยู่แล้ว เพียงแต่บางช่วงบางจังหวะอยากจะลองเล่น หรือถ้าใครซื้อมาแล้วกลัวจะใช้ระบบต่างๆไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปก็ลองหาถนนโล่งๆ ทางไกลๆ ทดสอบสมรรถนะในมิติที่เร้าใจเพิ่มขึ้นก็โอเคครับ ซึ่งสิ่งที่ได้รับจากโหมด Sport จะส่งให้รถโดดเด่นขึ้นไปในด้านอัตราเร่ง รอบรออยู่ระดับสูง(กว่าปกติ) พวงมาลัยหน่วงหนึบ ช่วงล่างแน่น การละเลียดเข้า-ออกโค้งบนความเร็วสูง เนียนมือ สนั่นเท้าดีที่เดียว


ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกพิมพ์นิยมแบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ที่ 1,750 - 2,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ในโหมดปกติอารมณ์ไม่ถึงกับบู๊ดุดัน แต่ก็จัดพลังมาได้ไหลลื่นนุ่มนวลต่อเนื่อง ด้านอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไล่ไปถึงความเร็ว 100 กม./ชม.ได้ 7.3 วินาที ก็ถือว่าเหลือเฟือ

ต้องยอมรับว่าประสิทธิภาพของเกียร์ลูกนี้มีผลโดยตรงต่อบุคลิกของรถพอสมควร โดยเฉพาะความรวดเร็วและความนุ่มนวลของการส่งผ่านกำลัง ขณะเดียวกันยังช่วยเรื่องอัตราบริโภคน้ำมันอย่างไต้องสงสัย ปกติดีเซลก็จิบน้อยกินไม่จุอยู่แล้ว ยิ่งผู้เขียนได้ขับทางไกลความเร็วนิ่งๆที่ 120 กม./ชม. ยังสังเกตรอบเครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,000 รอบด้วยซ้ำ ส่วนตัวเลขที่บีเอ็มดับเบิลยูเคลมไว้สวยๆให้ 420d Coupe อยู่ระดับ 21 กม./ลิตรครับ

เรื่องของอัตราบริโภคน้ำมัน นอกจากเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังจะมีผลมากอยู่แล้ว บีเอ็มดับเบิลยูยังพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆควบคู่กับไป ไม่ว่าจะออกแบบตัวถังตามหลักอากาศพลศาสตร์ พร้อมกำหนดการไหลผ่านของอากาศทั้งที่ผ่านกระจังหน้า ซุ้มล้อหน้า และใต้ท้องรถ (มีผลต่อการทรงตัวและการเก็บเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารด้วย) รวมถึงระบบเด่นอย่างเครื่องยนต์ดับเองอัตโนมัติเมื่อรถจอดหยุดนิ่ง(จะเลือกให้ทำงานหรือไม่ก็ได้) และระบบBrake Energy Regeneration ดึงพลังงานจลน์ที่สูญเปล่าจากการเบรกและช่วงถอนคันเร่ง (รถยังเคลื่อนที่ไปข้างหน้า) กลับมาเป็นกระแสไฟชาร์จเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ ช่วยลดภาระของไดชาร์จ ซึ่งมีผลโดยตรงต่ออัตราบริโภคน้ำมันเช่นกันครับ

รวบรัดตัดความ...เหมือนจะเป็นรถสายพันธุ์ใหม่ แต่ถ้าจะว่าตามตรงมันก็คือ “ซีรีส์3 คูเป้” ซึ่งถ้าเทียบระหว่าง“ซีรีส์4 คูเป้ ใหม่”ในปัจจุบัน กับ“ซีรีส์3 คูเป้” โฉมเก่า E92 อาจจะมีความต่างนิดๆในแง่ความสุภาพนุ่มนวล ของสมรรถนะเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ขณะที่ช่วงล่างยังหนึบแน่น ออกแนวสปอร์ตกว่า “ซีรีส์3 ซีดาน” F30 อยู่นิดๆ...น้องใหม่แค่ชื่อ แต่เนื้อในสไตล์เก๋าเหมือนเดิม



กำลังโหลดความคิดเห็น