ช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป สร้างความฮือฮาด้วยการประกาศขึ้นไลน์ผลิต “มินิ คันทรีแมน” ที่โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง จังหวัดระยอง ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในสามของประเทศในเอเชียที่ได้โอกาสประกอบรถยี่ห้อนี้ ขณะเดียวกันยังส่งผลให้ไทยเป็นประเทศเดียวในโลก ที่สามารถทำรถบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบิ๊กไบค์บีเอ็มดับเบิลยู(มอเตอร์ราด) ออกมาได้ในหลังคาโรงงานเดียวกัน
ในส่วนรถหรูบีเอ็มดับเบิลยู จากแรกเริ่มจนถึงปัจจุบันถูกประกอบที่ประเทศไทยครบทุกอนุกรมหลัก ไล่ตั้งแต่ ซีรีย์1,3,5,7 เอสยูวี X1,X3 ขณะที่ X5 โมเดลเชนจ์เตรียมเดินเครื่องปลายปีนี้ ส่วนมอเตอร์ราดรุ่น เอฟ800 อาร์ เพิ่งเริ่มประกอบเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
สำหรับมินิ คันทรีแมน ถือเป็นรุ่นที่ทำยอดขายหลัก เคียงมากับรุ่นแฮทช์แบ็ก กล่าวคือสัดส่วน 30/30 เปอร์เซ็นเท่าๆกัน และที่เหลือ 40 เปอร์เซ็นต์เป็นรุ่นตัวถังอื่นเฉลี่ยๆกันไป จึงไม่น่าแปลกใจที่บีเอ็มดับเบิลยูจะเลือกประกอบมินิโมเดลนี้
แม้มินิ แฮทช์แบ็ก โฉมใหม่ F56 กำลังจะเริ่มทำตลาด ซึ่งประเทศไทยเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2014 แต่ทว่าคันทรีแมนโฉมนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน และต้องขายไปอีกสักระยะครับ (เป็นไปตามคิว)
ด้วยอานิสงส์จากการขึ้นไลน์ผลิตในประเทศ ย่อมทำให้มินิ คันทรีแมน มีราคาที่เอื้อมถึงได้มากขึ้น ตัวคูณ “ภาษีนำเข้า”หายไปตัวหนึ่ง ส่งผลให้ราคาขายลดลงไป 20-30% อย่างรุ่นท็อปที่ผู้เขียนนำมาลองขับ คือ คูเปอร์ เอสดี เครื่องยนต์ดีเซล จาก CBU ราคา 3.29 ล้านบาท พอเป็นรุ่น CKD ปักป้ายขายเพียง 2.49 ล้านบาท หรือหายไป 8 แสนบาทเลยทีเดียว
รูปโฉมโนมพรรณก็อย่างที่เห็นละครับ ประตูยังมาครบ 5 บาน มีไฟหน้า ไฟท้าย เครื่องยนต์อยู่ใต้ฝากระโปรง มีเกียร์ เบรก พวงมาลัย ไม่ต่างจากรุ่น CBU แต่ที่เหมือนจะลืมๆไปน่าจะเป็นหลังคาแก้ว อย่างตัวลุค2 ของคูเปอร์ และคูเปอร์ ดี ก็ไม่ได้ติดตั้งมาให้
ส่วนคูเปอร์ เอสดี ที่ไม่มีลุคไหนและไม่มีหลังคาแก้ว จะแพงกว่าเพื่อนด้วยเรี่ยวแรงของเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล ระดับ 143 แรงม้า แรงบิด 305 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ALL4 - All Wheel Drive ที่การขับปกติจะส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าเป็นหลัก แต่ก็พร้อมจะแบ่งกระจายไปด้านหลัง (10-50%)ตามสภาวะการขับขี่ที่เปลี่ยนไป ด้วยการควบคุมของ Electromagnetic Center Differential
ตลอดจนไฟหน้าแบบไบซีนอน โปรเจกเตอร์เลนส์ สปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้วลายดำเข้ม แพดเดิลเชิฟท์เปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย ที่พักแขนข้างเบาะคู่หน้า รวมถึงระบบ“มินิ คอนเนกต์” เชื่อมต่อรถกับอินเตอร์เน็ตด้วยสมาร์ทโฟน
ส่วนระบบความปลอดภัยจัดเป็นมาตรฐานเหมือนรุ่นอื่นๆ คือ ถุงลมนิรภัยรวม 6 จุด ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS,ระบบกระจายแรงเบรก EBD,เสริมแรงเบรกBA,ระบบออกตัวบนทางลาดชัน Hill Assist,ระบบรักษาเสถียรภาพ DSC, ระบบควบคุมเบรกขณะเข้าโค้ง CBC แต่กระนั้นคูเปอร์ เอสดี จะเสริมเทรคชันคอนโทรล DTC เพื่อปรามความแรงของรถมาให้ด้วย
โดยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 305 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,700 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับได้จัดจ้าน ดุดันตามสไตล์
แม้เสียงเครื่องยนต์ดีเซลจะกระหน่ำดังปานปิกอัพ หากอยู่ภายนอกจะได้ยินชัด แต่ถ้านั่งข้างในยังเก็บเสียงได้ดีระดับหนึ่ง พวกแรงสั่นอาการสะเทือนไม่มีเล็ดลอด
การขับช่วงตีนต้นกระฉับกระเฉง อัตราเร่งว่องไว เห็นว่าจาก 0-100 กม./ชม. ทำเวลาได้เพียง 9.5 วินาที ซึ่งดีกว่ามินิ คันทรีแมนทุกรุ่นที่ขายในบ้านเรา ณ ตอนนี้ (รุ่นCKD ไม่ได้ขายเครื่องเบนซิน คูเปอร์ เอส) ส่วนความเร็วปลายยังไหลไปได้ยาวๆถึง 193 กม./ชม.
พละกำลังมาเต็มที่ ระเบิดเต็มทุกสูบ ขับทางไกลใช้ความเร็วสูง กดเรียกเป็นมา แรงรวดเร็วตามต้องการ ขณะที่ตัวถังทรงเอสยูวี พร้อมยกสูงนิดๆ อาจจะไม่ปราดเปรียวเท่าตัวถังอื่นๆ แต่ก็ไม่ถึงกับเทอะทะ อุ้ยอ้าย
ด้านช่วงล่างหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง เหมือนจะเซ็ทมาแข็งนิดๆ ซึ่งประเด็นนี้ชัดเจนครับ เพราะเป็นตัวท็อปต้องสร้างอิมเมจ คงเอกลักษณ์ “ขับแข็ง ปวดตับ” ตามสไตล์มินิเอาไว้บ้าง
ขับขี่ในเมืองผ่านเนินลูกระนาด ขึ้นลงคอสะพาน ช่วงล่างเด้งแข็งพอสมควร คนขับและคนนั่งด้านหลังอาจรู้สึกว่าการรองรับไม่นุ่มนิ่มเหมือนเอสยูวีทั่วไป เช่นเดียวกับพวงมาลัยอันหนักหน่วง ที่ต้องเพิ่มแรงในการควบคุมอีกนิด
อย่างไรก็ตามบุคคลิกต่างๆจะกลายเป็นจุดเด่น หากคุณชอบแนวบู๊ดุดัน ซึ่งในสภาวะที่ใช้ความเร็งสูง จะออกนอกเมืองหรือแค่อยากจะเสียค่าปรับบนทางด่วนเล่นๆ “คันทรีแมน คูเปอร์ เอสดี” น่าจะช่วยให้คุณกระชุ่มกระชวยขึ้นมาได้บ้าง
การทรงตัวแน่นหนึบ พวงมาลัยนิ่งหน่วงมือ ขับมั่นใจสามารถเกาะเนียนได้ทุกโค้ง หรือใครอยากจะขยับโยกคันเกียร์ เลือกเล่นแพดเดิลชิฟท์ก็ตามสะดวก ด้วยประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ประสานงานกับเกียร์ชุดนี้ ตอบสนองได้ทันใจ ได้อารมณ์ของสปอร์ตเอสยูวีแท้ๆครับ
เรื่องอัตราบริโภคน้ำมัน จากการที่ผู้เขียนลองเซ็ตศูนย์ วัดด้วยระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ผ่านการจราจรหนาแน่นในเมือง และออกนอกเมืองใช้ความเร็ว 100-140 กม./ชม. หน้าจอยังแสดงตัวเลข 14.1กม./ลิตร ส่วนมินิเคลมตัวเลขเฉลี่ยในรถรุ่นนี้ไว้ 16.4 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ…เป็นราคาที่พอจะคบหาได้บ้างเมื่อเทียบกับตัวนำเข้า อย่างรุ่นเริ่มต้นเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร คูเปอร์ ลุก1 ขายอยู่ 1.84 ล้านบาท ส่วนดีเซล คูเปอร์ ดี ลุค1 (112 แรงม้า) 2.04 ล้านบาท ขณะที่คูเปอร์ เอสดี ราคา 2.49 ล้านบาท จัดสมรรถนะมาแบบไม่ประนีประนอม พลังหายห่วง เหยียบติดเท้า แรงกระชากหลังติดเบาะ พร้อมช่วงล่างอันหนึบแน่น แต่ยังคงความอเนกประสงค์ รองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย
… “มินิ คันทรีแมน คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์” อาจจะนั่งไม่นิ่มสบาย แต่ได้เท่ ขับสนุก ในราคาที่น่ารักขึ้นเยอะ
ในส่วนรถหรูบีเอ็มดับเบิลยู จากแรกเริ่มจนถึงปัจจุบันถูกประกอบที่ประเทศไทยครบทุกอนุกรมหลัก ไล่ตั้งแต่ ซีรีย์1,3,5,7 เอสยูวี X1,X3 ขณะที่ X5 โมเดลเชนจ์เตรียมเดินเครื่องปลายปีนี้ ส่วนมอเตอร์ราดรุ่น เอฟ800 อาร์ เพิ่งเริ่มประกอบเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
สำหรับมินิ คันทรีแมน ถือเป็นรุ่นที่ทำยอดขายหลัก เคียงมากับรุ่นแฮทช์แบ็ก กล่าวคือสัดส่วน 30/30 เปอร์เซ็นเท่าๆกัน และที่เหลือ 40 เปอร์เซ็นต์เป็นรุ่นตัวถังอื่นเฉลี่ยๆกันไป จึงไม่น่าแปลกใจที่บีเอ็มดับเบิลยูจะเลือกประกอบมินิโมเดลนี้
แม้มินิ แฮทช์แบ็ก โฉมใหม่ F56 กำลังจะเริ่มทำตลาด ซึ่งประเทศไทยเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2014 แต่ทว่าคันทรีแมนโฉมนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน และต้องขายไปอีกสักระยะครับ (เป็นไปตามคิว)
ด้วยอานิสงส์จากการขึ้นไลน์ผลิตในประเทศ ย่อมทำให้มินิ คันทรีแมน มีราคาที่เอื้อมถึงได้มากขึ้น ตัวคูณ “ภาษีนำเข้า”หายไปตัวหนึ่ง ส่งผลให้ราคาขายลดลงไป 20-30% อย่างรุ่นท็อปที่ผู้เขียนนำมาลองขับ คือ คูเปอร์ เอสดี เครื่องยนต์ดีเซล จาก CBU ราคา 3.29 ล้านบาท พอเป็นรุ่น CKD ปักป้ายขายเพียง 2.49 ล้านบาท หรือหายไป 8 แสนบาทเลยทีเดียว
รูปโฉมโนมพรรณก็อย่างที่เห็นละครับ ประตูยังมาครบ 5 บาน มีไฟหน้า ไฟท้าย เครื่องยนต์อยู่ใต้ฝากระโปรง มีเกียร์ เบรก พวงมาลัย ไม่ต่างจากรุ่น CBU แต่ที่เหมือนจะลืมๆไปน่าจะเป็นหลังคาแก้ว อย่างตัวลุค2 ของคูเปอร์ และคูเปอร์ ดี ก็ไม่ได้ติดตั้งมาให้
ส่วนคูเปอร์ เอสดี ที่ไม่มีลุคไหนและไม่มีหลังคาแก้ว จะแพงกว่าเพื่อนด้วยเรี่ยวแรงของเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล ระดับ 143 แรงม้า แรงบิด 305 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ALL4 - All Wheel Drive ที่การขับปกติจะส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าเป็นหลัก แต่ก็พร้อมจะแบ่งกระจายไปด้านหลัง (10-50%)ตามสภาวะการขับขี่ที่เปลี่ยนไป ด้วยการควบคุมของ Electromagnetic Center Differential
ตลอดจนไฟหน้าแบบไบซีนอน โปรเจกเตอร์เลนส์ สปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้วลายดำเข้ม แพดเดิลเชิฟท์เปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย ที่พักแขนข้างเบาะคู่หน้า รวมถึงระบบ“มินิ คอนเนกต์” เชื่อมต่อรถกับอินเตอร์เน็ตด้วยสมาร์ทโฟน
ส่วนระบบความปลอดภัยจัดเป็นมาตรฐานเหมือนรุ่นอื่นๆ คือ ถุงลมนิรภัยรวม 6 จุด ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS,ระบบกระจายแรงเบรก EBD,เสริมแรงเบรกBA,ระบบออกตัวบนทางลาดชัน Hill Assist,ระบบรักษาเสถียรภาพ DSC, ระบบควบคุมเบรกขณะเข้าโค้ง CBC แต่กระนั้นคูเปอร์ เอสดี จะเสริมเทรคชันคอนโทรล DTC เพื่อปรามความแรงของรถมาให้ด้วย
โดยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 305 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,700 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับได้จัดจ้าน ดุดันตามสไตล์
แม้เสียงเครื่องยนต์ดีเซลจะกระหน่ำดังปานปิกอัพ หากอยู่ภายนอกจะได้ยินชัด แต่ถ้านั่งข้างในยังเก็บเสียงได้ดีระดับหนึ่ง พวกแรงสั่นอาการสะเทือนไม่มีเล็ดลอด
การขับช่วงตีนต้นกระฉับกระเฉง อัตราเร่งว่องไว เห็นว่าจาก 0-100 กม./ชม. ทำเวลาได้เพียง 9.5 วินาที ซึ่งดีกว่ามินิ คันทรีแมนทุกรุ่นที่ขายในบ้านเรา ณ ตอนนี้ (รุ่นCKD ไม่ได้ขายเครื่องเบนซิน คูเปอร์ เอส) ส่วนความเร็วปลายยังไหลไปได้ยาวๆถึง 193 กม./ชม.
พละกำลังมาเต็มที่ ระเบิดเต็มทุกสูบ ขับทางไกลใช้ความเร็วสูง กดเรียกเป็นมา แรงรวดเร็วตามต้องการ ขณะที่ตัวถังทรงเอสยูวี พร้อมยกสูงนิดๆ อาจจะไม่ปราดเปรียวเท่าตัวถังอื่นๆ แต่ก็ไม่ถึงกับเทอะทะ อุ้ยอ้าย
ด้านช่วงล่างหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง เหมือนจะเซ็ทมาแข็งนิดๆ ซึ่งประเด็นนี้ชัดเจนครับ เพราะเป็นตัวท็อปต้องสร้างอิมเมจ คงเอกลักษณ์ “ขับแข็ง ปวดตับ” ตามสไตล์มินิเอาไว้บ้าง
ขับขี่ในเมืองผ่านเนินลูกระนาด ขึ้นลงคอสะพาน ช่วงล่างเด้งแข็งพอสมควร คนขับและคนนั่งด้านหลังอาจรู้สึกว่าการรองรับไม่นุ่มนิ่มเหมือนเอสยูวีทั่วไป เช่นเดียวกับพวงมาลัยอันหนักหน่วง ที่ต้องเพิ่มแรงในการควบคุมอีกนิด
อย่างไรก็ตามบุคคลิกต่างๆจะกลายเป็นจุดเด่น หากคุณชอบแนวบู๊ดุดัน ซึ่งในสภาวะที่ใช้ความเร็งสูง จะออกนอกเมืองหรือแค่อยากจะเสียค่าปรับบนทางด่วนเล่นๆ “คันทรีแมน คูเปอร์ เอสดี” น่าจะช่วยให้คุณกระชุ่มกระชวยขึ้นมาได้บ้าง
การทรงตัวแน่นหนึบ พวงมาลัยนิ่งหน่วงมือ ขับมั่นใจสามารถเกาะเนียนได้ทุกโค้ง หรือใครอยากจะขยับโยกคันเกียร์ เลือกเล่นแพดเดิลชิฟท์ก็ตามสะดวก ด้วยประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ประสานงานกับเกียร์ชุดนี้ ตอบสนองได้ทันใจ ได้อารมณ์ของสปอร์ตเอสยูวีแท้ๆครับ
เรื่องอัตราบริโภคน้ำมัน จากการที่ผู้เขียนลองเซ็ตศูนย์ วัดด้วยระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ผ่านการจราจรหนาแน่นในเมือง และออกนอกเมืองใช้ความเร็ว 100-140 กม./ชม. หน้าจอยังแสดงตัวเลข 14.1กม./ลิตร ส่วนมินิเคลมตัวเลขเฉลี่ยในรถรุ่นนี้ไว้ 16.4 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ…เป็นราคาที่พอจะคบหาได้บ้างเมื่อเทียบกับตัวนำเข้า อย่างรุ่นเริ่มต้นเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร คูเปอร์ ลุก1 ขายอยู่ 1.84 ล้านบาท ส่วนดีเซล คูเปอร์ ดี ลุค1 (112 แรงม้า) 2.04 ล้านบาท ขณะที่คูเปอร์ เอสดี ราคา 2.49 ล้านบาท จัดสมรรถนะมาแบบไม่ประนีประนอม พลังหายห่วง เหยียบติดเท้า แรงกระชากหลังติดเบาะ พร้อมช่วงล่างอันหนึบแน่น แต่ยังคงความอเนกประสงค์ รองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย
… “มินิ คันทรีแมน คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์” อาจจะนั่งไม่นิ่มสบาย แต่ได้เท่ ขับสนุก ในราคาที่น่ารักขึ้นเยอะ
