เคทีเอ็ม (KTM) แบรนด์รถจักรยานยนต์ชื่อดังจากออสเตรีย นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาดบิ๊กไบค์บ้านเรา โดยเฉพาะโมเดลล่าสุดที่ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการหรือบริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพิ่งนำเข้ามาเปิดตัวในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2013 ปีที่ผ่านมา สำหรับเน็กเก็ตไบค์รุ่น Duke390 สนนราคา 339,000 บาท ซึ่งมาด้วยจุดขายพร้อมตอบโจทย์ สนองทุกการขี่ ภายใต้คอนเซปต์ว่า One for all
ก่อนจะไปสัมผัสสมรรถนะ เราควรมาทำความรู้จักกันก่อนว่าสองล้อคันเก่งจากค่ายสีส้มรุ่นนี้ ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นน้องตระกูลเดียวกันอย่าง Duke125 และ 200 ในพิกัด 125 ซีซี. และ 200 ซีซี. ตามลำดับ โดยมีสายการผลิตอยู่ในประเทศอินเดียทั้งสามโมเดล ด้วยการใช้พื้นฐานเฟรมและอุปกรณ์ส่วนควบอื่นๆ เหมือนกัน ดังนั้น ด้านรูปร่างหน้าตาจึงแทบไม่แตกต่าง
โดยความโดดเด่นยังคงอยู่ที่การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ ตั้งแต่หน้ากากไฟหน้า บังโคลน อกล่าง ครอบถังน้ำมัน ไปจนถึงชุดแฟริ่งด้านท้าย ทั้งหมดมีเหลี่ยมสันที่ลงตัว บ่งบอกบุคลิกความปราดเปรียวและมีความกระฉับกระเฉง อีกทั้งสอดประสานกับการโชว์มัดกล้ามของเครื่องยนต์และเส้นสายของเฟรมถักสีส้ม รวมถึงล้อแม็กแบบ 10 ก้านในสีเดียวกัน ยิ่งเสริมความหล่อเหลาให้พี่ใหญ่ในตระกูลเน็กเก็ตขนาดเล็ก ซึ่งนำเข้าจากแดนภารตะได้เป็นอย่างดี
สำหรับในส่วนของอุปกรณ์ติดรถอย่างพวกประกับแฮนด์และสวิตซ์ควบคุมระบบไฟ รวมถึงหน้าจอแบบดิจิตอลแสดงสถานะต่างๆ ของตัวรถ ยังคงใช้พาร์ทร่วมในสายการผลิตทั้งสามโมเดล และเช่นกันกับระบบช่วงล่าง สำหรับโช้กอัพหน้าแบบหัวกลับ ขนาดแกน 43 มม. ด้านหลังโช้กเดี่ยว ซึ่งมีระยะยุบตัวหน้า-หลังเท่ากันที่ 150 มม. และเป็นยี่ห้อ WP เหมือนกันทั้งคู่
ส่วนความปลอดภัยหน้า-หลังใช้ของ bybre แบรนด์ลูกของยี่ห้อดัง brembo เบรกหน้าดิสก์เดี่ยว ประกบคาลิเปอร์ 4 ลูกสูบ ด้านหลังดิสก์เดี่ยว คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ โดยมีระบบ ABS ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน และสามารถเลือกใช้งานเปิดหรือปิดได้ด้วย
มาถึงสิ่งที่แตกต่างแน่นอนย่อมเป็นขุมพลังที่ขยายความจุขึ้น โดยใช้เครื่องยนต์ 4 จังหวะ สูบเดียวขนาด 373 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 43 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 35 นิวตัน-เมตร ที่ 7,250 รอบต่อนาที
เมื่อได้เวลาทดลองขี่ ด้านท่านั่งบน Duke390 ลำตัวค่อนข้างตรง แฮนด์กว้างความสูงกำลังดี ช่วงแขนไม่ต้องกางข้อศอกมากนัก ตำแหน่งพักเท้าเยื้องไปด้านหลังเล็กน้อยแอบซ่อนอารมณ์สปอร์ต ส่วนความสูงเบาะ 800 มม. รองรับนักบิดไซส์เอเชีย ถือว่าออกแบบมาเพื่อทำตลาดในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะ
สำหรับการควบคุมคล่องตัวมากถึงมากที่สุด ด้วยน้ำหนักตัวรถเพียง 139 กก. (ไม่รวมน้ำมันเชื้อเพลิง) ทำให้การซิกแซกฝ่าการจราจรที่หนาแน่นในตัวเมืองทำได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว และเมื่อรวมกับอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจจากขุมพลังบล็อกนี้ แม้ว่าความแรงในรอบปลายจะรู้สึกหดหายไปบ้าง แต่ในรอบต้นถึงกลางถือว่าเป็นรถที่บิดสนุก และสามารถทำความเร็วได้ในระดับ 150 กม./ชม. โดยที่ตัวรถยังไม่ออกอาการให้ผู้ขี่ต้องมีความกังวลแต่อย่างใด ส่วนอัตราบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง หน้าจอแสดงผลทำได้ประมาณ 22 กม./ลิตร
อย่างไรก็ตาม การใช้งานในเมืองภาพรวมประทับใจ แต่หากใช้ออกทริปท่องเที่ยวหรือเดินทางไกล เจ้าของรถประเภทนี้ต้องยอมรับสภาพกับแรงลมที่พร้อมเข้ามาปะทะตลอดเวลาด้วย
ท้ายที่สุดหากมองข้ามสนนราคาซึ่งแพงมากกว่าคู่แข่ง(ประกอบไทย)ในคลาสเดียวกัน Duke390 นับเป็นตัวเลือกที่ให้ความคุ้มค่า ทั้งในด้านอารมณ์ความสนุกเร้าใจ สมรรถนะและการควบคุมทำได้ดีเหนือค่ายญี่ปุ่น แต่สุดท้ายแล้วการตัดสินใจของนักบิดไทย ส่วนใหญ่ยังคงมองที่ขนาดเครื่องยนต์ และจำนวนเงินที่ต้องจ่ายไปเป็นปัจจัยสำคัญ
ผลิตภัณฑ์ดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ค่ายสีส้มยังต้องทำการบ้านอีกเยอะ คือ เรื่องราคานั่นเอง!
