ขณะที่คู่แข่งระดับคอมแพกต์เอสยูวี ล้วนจัดระเบียบเบาะมาแบบ 2 แถว 5 ที่นั่งกันหมด ทั้ง ฮอนด้า ซีอาร์-วี,มาสด้า ซีเอ็กซ์-5,ฮุนได ทูซอน และซูบารุ เอ็กซ์วี แต่สำหรับ “เชฟโรเลต แคปติวา” โดดเด่นด้วยเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง เด็ดเดียวทำตลาดมาตลอด 7 ปี
….7 ปี 7 ที่นั่ง ซื้อตอนนี้ยังได้แคมเปญ 6+6 ที่เชฟโรเลตขยายเวลารับประกันและฟรีค่าแรงเช็คระยะนาน6 ปี (หรือ 140,000 กม.) พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 6 ปี หวังสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าเพิ่มเติม
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 7 ปีในการทำตลาด แคปติวามียอดขายสะสมมากกว่า 35,000 คัน โดยผ่านการไมเนอร์เชนจ์ การเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ รวมถึงพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ และหันมาใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแทน 5 สปีด ซึ่งสองอย่างหลังเกิดขึ้นปลายปี 2011
...ล่าสุดกับแคปติวา โมเดลปี 2014 ยังจัดการปรับโฉมพอเป็นพิธี พร้อมเสริมออปชันอำนวยความสะดวก ปรับปรุงระบบเกียร์ใหม่ แบ่งเป็น 4 รุ่นย่อยในทางเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร และดีเซล 2.0 ลิตร โดยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ขับเคลื่อนสองล้อ LSX ราคา 1.298 ล้านบาท ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ 1.595 ล้านบาท ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซล ขับเคลื่อนสองล้อ LSX 1.425 ล้านบาท และขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ ราคา 1.719 ล้านบาท
การเปลี่ยนแปลงภายนอกเห็นได้ชัดกับการออกแบบกันชนหน้าใหม่ เบ้ารับไฟตัดหมอกมีเล่นลวดลาย ด้านหลังโคมไฟทรงเดิมแต่ปรับรายละเอียดภายในโดยหันมาใช้หลอด LED ดูเด่นเห็นชัด พร้อมกันชนหลังรับกับแผงรีดลมลายใหม่ และปลายท่อไอเสียคู่ออกแบบเป็นสี่เหลี่ยมคางหมู ขณะเดียวกันในรุ่นท็อป LTZ เครื่องยนต์ดีเซลจะติดบันไดข้างสเตนเลสช่วยให้การเข้า-ออกห้องโดยสารสะดวกขึ้น
ด้านออปชันอำนวยความสะดวกที่เพิ่มเข้ามา ไล่ตั้งแต่ระบบแอร์แบบดูอัลโซน แยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวา สวิตช์ควบคุมต่างๆบนพวงมาลัยเรืองแสงมองเห็นชัดยามแสงน้อย ตลอดจนระบบกุญแจ Keyless เพียงพกรีโมทติดตัวก็เปิดประตูเข้าห้องโดยสารสะดวก ส่วนการสตาร์ทเครื่องยนต์ จะมีมือบิดติดมาให้หลังพวงมาลัยด้านขวา
...การทดสอบผู้เขียนได้ลองขับรุ่น LTZ เครื่องยนต์ดีเซล VCDi ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC เทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เจเนอเรชันที่สอง ปรับการสั่งงานใหม่ให้ฉลาดกว่าเดิม
การปลดปล่อยพลังทำได้นุ่มนวล เรียกมาแบบเนียนๆ แม้ไม่ถึงอารมณ์ฉุดกระชากดึงดัน แต่ตอบสนองการขับขี่รวมๆได้น่าประทับใจ เรี่ยวแรงดูดีตั้งแต่ 2,000 รอบ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ไหลไปนิ่มๆ บางช่วงบางจังหวะต้องการอัตราเร่งจัดๆ เครื่องยนต์กับเกียร์ยังพยายามทำงานเต็มความสามารถ เรียกว่าไม่อืดแต่ก็ไม่ถึงกับบู๊ดุดัน
จุดเด่นของแคปติวายังอยู่ที่ช่วงล่างและการเก็บเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารอยู่ในระดับชั้นนำของคลาส โดยระบบกันสะเทือนหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท เสริมเหล็กกันโคลง หลังมัลติลิงค์ 4 จุดยึด ในรุ่น LTZ ใช้ล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้ว ประกบยาง 235/50 R19 การถ่ายเทน้ำหนักหน้า-หลังสมดุล รองรับได้นุ่มนวล ส่วนการทรงตัวในความเร็วสูงทำได้หนึบหนับ
ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ All Wheel Drive แบ่งการกระจายแรงบิดลงสู่ล้อหน้า-หลังอัตโนมัติ ยังช่วยให้รถไม่ออกอาการแฉลบ ไถล ปัดเป๋ ไม่ว่าจะพื้นผิวถนนเป็นอย่างไรก็ขับได้สบาย พร้อมให้ความรู้สึกมั่นคงทั้งทางตรงทางโค้ง ด้านน้ำหนักพวงมาลัยหน่วงมือกำลังพอดี เพียงแต่มีระยะฟรีในการควบคุมอยู่นิดๆ
การขับย่านความเร็วเกิน 120 กม./ชม. ภายในห้องโดยสารเงียบและนิ่ง เพิ่มความมั่นใจในทุกสภาพการขับขี่ ยิ่งได้รู้ว่าอุดมไปด้วยระบบความปลอดภัยที่คอยคิดแทนและตัดสินใจนำในช่วงเวลาคับขันอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบเบรกไฮโดรลิก (HBA) ระบบกระจายแรงเบรกอิเลกทรอนิก (EBD) ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) และระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP) ตลอดจนระบบป้องกันการลื่นไถลบนทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ด้านเบรกใช้เป็นดิสก์ทั้งสี่ล้อ ทำหน้าที่ห้ามล้อได้เต็มประสิทธิภาพ สัมผัสถึงความนุ่มนวลในการชะลอหยุด แถมประเมินระยะได้แม่นยำ
ด้านอัตราบริโภคน้ำมัน ผู้เขียนยังทำได้ใกล้เคียงกับการขับครั้งเดิมๆ คือ9 ลิตรต่อ 100 กม. หรือประมาณ 11 กม./ลิตร บนทางโล่งๆต่างจังหวัดใช้ความเร็วเฉลี่ย 100-120 กม./ชม.
รวบรัดตัดความ...จากที่เคยขับตัวท็อป แคปติวา ดีเซล LTZ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ราคา 1.684 ล้านบาท (เครื่องยนต์กับเกียร์ใหม่) ถึงวันนี้ราคาเพิ่มเป็น1.719 ล้านบาท โดยปรับแต่งหน้าตา เสริมออปชันให้ทันยุคสมัย ขณะที่ความรู้สึกดีๆกับแคปติวาก็ยังไม่เคยเปลี่ยน กับมาตรฐานเอสยูวีดีเซลระดับBest in class โดยเฉพาะระบบช่วงล่าง ความเงียบนิ่งภายในห้องโดยสาร เพียงแต่ตอนนี้มี “ซีเอ็กซ์-5” (ดีเซล) เข้ามาเป็นอีกทางเลือกที่สดใหม่ สมรรถนะเทียบชั้นสู้กันได้ น่าจะทำให้คิดหนัก
...เว้นเสียแต่ใครอยากได้เอสยูวีแท้ๆ ที่รองรับได้ 7 ที่นั่ง แถมคุ้มค่าจากโปรแกรมการรับประกัน-ดูแลกันไปสบายๆอีก 6 ปี
….7 ปี 7 ที่นั่ง ซื้อตอนนี้ยังได้แคมเปญ 6+6 ที่เชฟโรเลตขยายเวลารับประกันและฟรีค่าแรงเช็คระยะนาน6 ปี (หรือ 140,000 กม.) พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 6 ปี หวังสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าเพิ่มเติม
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 7 ปีในการทำตลาด แคปติวามียอดขายสะสมมากกว่า 35,000 คัน โดยผ่านการไมเนอร์เชนจ์ การเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ รวมถึงพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ และหันมาใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแทน 5 สปีด ซึ่งสองอย่างหลังเกิดขึ้นปลายปี 2011
...ล่าสุดกับแคปติวา โมเดลปี 2014 ยังจัดการปรับโฉมพอเป็นพิธี พร้อมเสริมออปชันอำนวยความสะดวก ปรับปรุงระบบเกียร์ใหม่ แบ่งเป็น 4 รุ่นย่อยในทางเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร และดีเซล 2.0 ลิตร โดยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ขับเคลื่อนสองล้อ LSX ราคา 1.298 ล้านบาท ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ 1.595 ล้านบาท ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซล ขับเคลื่อนสองล้อ LSX 1.425 ล้านบาท และขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ ราคา 1.719 ล้านบาท
การเปลี่ยนแปลงภายนอกเห็นได้ชัดกับการออกแบบกันชนหน้าใหม่ เบ้ารับไฟตัดหมอกมีเล่นลวดลาย ด้านหลังโคมไฟทรงเดิมแต่ปรับรายละเอียดภายในโดยหันมาใช้หลอด LED ดูเด่นเห็นชัด พร้อมกันชนหลังรับกับแผงรีดลมลายใหม่ และปลายท่อไอเสียคู่ออกแบบเป็นสี่เหลี่ยมคางหมู ขณะเดียวกันในรุ่นท็อป LTZ เครื่องยนต์ดีเซลจะติดบันไดข้างสเตนเลสช่วยให้การเข้า-ออกห้องโดยสารสะดวกขึ้น
ด้านออปชันอำนวยความสะดวกที่เพิ่มเข้ามา ไล่ตั้งแต่ระบบแอร์แบบดูอัลโซน แยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวา สวิตช์ควบคุมต่างๆบนพวงมาลัยเรืองแสงมองเห็นชัดยามแสงน้อย ตลอดจนระบบกุญแจ Keyless เพียงพกรีโมทติดตัวก็เปิดประตูเข้าห้องโดยสารสะดวก ส่วนการสตาร์ทเครื่องยนต์ จะมีมือบิดติดมาให้หลังพวงมาลัยด้านขวา
...การทดสอบผู้เขียนได้ลองขับรุ่น LTZ เครื่องยนต์ดีเซล VCDi ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC เทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เจเนอเรชันที่สอง ปรับการสั่งงานใหม่ให้ฉลาดกว่าเดิม
การปลดปล่อยพลังทำได้นุ่มนวล เรียกมาแบบเนียนๆ แม้ไม่ถึงอารมณ์ฉุดกระชากดึงดัน แต่ตอบสนองการขับขี่รวมๆได้น่าประทับใจ เรี่ยวแรงดูดีตั้งแต่ 2,000 รอบ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ไหลไปนิ่มๆ บางช่วงบางจังหวะต้องการอัตราเร่งจัดๆ เครื่องยนต์กับเกียร์ยังพยายามทำงานเต็มความสามารถ เรียกว่าไม่อืดแต่ก็ไม่ถึงกับบู๊ดุดัน
จุดเด่นของแคปติวายังอยู่ที่ช่วงล่างและการเก็บเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารอยู่ในระดับชั้นนำของคลาส โดยระบบกันสะเทือนหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท เสริมเหล็กกันโคลง หลังมัลติลิงค์ 4 จุดยึด ในรุ่น LTZ ใช้ล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้ว ประกบยาง 235/50 R19 การถ่ายเทน้ำหนักหน้า-หลังสมดุล รองรับได้นุ่มนวล ส่วนการทรงตัวในความเร็วสูงทำได้หนึบหนับ
ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ All Wheel Drive แบ่งการกระจายแรงบิดลงสู่ล้อหน้า-หลังอัตโนมัติ ยังช่วยให้รถไม่ออกอาการแฉลบ ไถล ปัดเป๋ ไม่ว่าจะพื้นผิวถนนเป็นอย่างไรก็ขับได้สบาย พร้อมให้ความรู้สึกมั่นคงทั้งทางตรงทางโค้ง ด้านน้ำหนักพวงมาลัยหน่วงมือกำลังพอดี เพียงแต่มีระยะฟรีในการควบคุมอยู่นิดๆ
การขับย่านความเร็วเกิน 120 กม./ชม. ภายในห้องโดยสารเงียบและนิ่ง เพิ่มความมั่นใจในทุกสภาพการขับขี่ ยิ่งได้รู้ว่าอุดมไปด้วยระบบความปลอดภัยที่คอยคิดแทนและตัดสินใจนำในช่วงเวลาคับขันอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบเบรกไฮโดรลิก (HBA) ระบบกระจายแรงเบรกอิเลกทรอนิก (EBD) ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) และระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP) ตลอดจนระบบป้องกันการลื่นไถลบนทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ด้านเบรกใช้เป็นดิสก์ทั้งสี่ล้อ ทำหน้าที่ห้ามล้อได้เต็มประสิทธิภาพ สัมผัสถึงความนุ่มนวลในการชะลอหยุด แถมประเมินระยะได้แม่นยำ
ด้านอัตราบริโภคน้ำมัน ผู้เขียนยังทำได้ใกล้เคียงกับการขับครั้งเดิมๆ คือ9 ลิตรต่อ 100 กม. หรือประมาณ 11 กม./ลิตร บนทางโล่งๆต่างจังหวัดใช้ความเร็วเฉลี่ย 100-120 กม./ชม.
รวบรัดตัดความ...จากที่เคยขับตัวท็อป แคปติวา ดีเซล LTZ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ราคา 1.684 ล้านบาท (เครื่องยนต์กับเกียร์ใหม่) ถึงวันนี้ราคาเพิ่มเป็น1.719 ล้านบาท โดยปรับแต่งหน้าตา เสริมออปชันให้ทันยุคสมัย ขณะที่ความรู้สึกดีๆกับแคปติวาก็ยังไม่เคยเปลี่ยน กับมาตรฐานเอสยูวีดีเซลระดับBest in class โดยเฉพาะระบบช่วงล่าง ความเงียบนิ่งภายในห้องโดยสาร เพียงแต่ตอนนี้มี “ซีเอ็กซ์-5” (ดีเซล) เข้ามาเป็นอีกทางเลือกที่สดใหม่ สมรรถนะเทียบชั้นสู้กันได้ น่าจะทำให้คิดหนัก
...เว้นเสียแต่ใครอยากได้เอสยูวีแท้ๆ ที่รองรับได้ 7 ที่นั่ง แถมคุ้มค่าจากโปรแกรมการรับประกัน-ดูแลกันไปสบายๆอีก 6 ปี
