xs
xsm
sm
md
lg

Lexus NX300h เอสยูวีไฮบริดมาดหล่อ-ราคาน่าคบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อก่อนถ้าคิดถึงรถออฟโรดหรือเอสยูวี ในหัวเราๆท่านๆก็จะมีภาพของรถคันโตๆ เครื่องยนต์ใหญ่ๆ ลุยไหนลุยกัน พร้อมอัตราบริโภคน้ำมันที่ไม่ค่อยเป็นมิตรนัก แต่ยุคใหม่สมัยนี้เทคโนโลยียานยนต์พัฒนาไปมากครับ พร้อมคำนึงถึงความต้องการของตลาด อันสอดคล้องกับการใช้งานจริงและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป็นสำคัญ

จากที่เคยเป็น“ออฟโรด”ตัวลุยสมบุกสมบัน ก็พัฒนาเป็น“เอสยูวี” รูปทรงทันสมัยเน้นการขับขี่ที่สบายมากขึ้น แต่ยังคงความสามารถในการลุยได้ระดับหนึ่ง(ส่วนมากจะมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ) จนล่าสุดที่มักเรียกกันว่า“ครอสโอเวอร์” ซึ่งรถประเภทนี้ชัดเจนว่าไม่เน้นลุยหนัก แต่มุ่งตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย แบบใช้งานในเมืองดี ขี่ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัวก็ฉลุย


โดยรถครอสโอเวอร์หรือเอสยูวี ในยุคนี้ยังมีการแตกสายพันธุ์ให้หลากหลาย ซึ่งในแง่หนึ่งก็ทำรุ่นที่ขนาดตัวถังย่อมลงมา หันวางเครื่องยนต์ขนาดเล็ก กินน้ำมันน้อย พร้อมทำราคาที่ลูกค้าเข้าถึงได้มากขึ้น

อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์มี GLA บีเอ็มดับเบิลยูมี X1 รวมถึงค่ายรถญี่ปุ่นที่ทำซับคอมแพกต์เอสยูวีแทรกเข้ามาไม่ว่าจะเป็นนิสสัน จู๊ค หรือฮอนด้า HR-V ที่เตรียมเปิดตัวเร็วๆนี้

เช่นเดียวกับ“เลกซัส”แบรนด์รถหรูในเครือโตโยต้า แม้จะยังไม่มีเอสยูวีรุ่นเล็กระดับ GLA หรือ X1 แต่นับเป็นทิศทางที่ดีในการเสริมรุ่น NX เพื่อเข้ามาท้าชนกับ GLK (บ้านเราไม่ได้ทำตลาด) ,X3,ออดี้ Q5และวอลโว่ XC60

“เบบี้เอสยูวี”ของเลกซัสถูกนำเข้ามาจากญี่ปุ่น พร้อมขายในเมืองไทยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กับรุ่น NX300h ขุมพลังไฮบริด แบ่งเป็น 6 รุ่นย่อยราคา 2.79 - 3.99 ล้านบาท

โดยเครื่องยนต์เบนซิน 2AR-FXE ขนาด2.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว VVT-i ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 206 นิวตันเมตร ที่ 4,400 - 4,900 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า(หน้า) Synchronous alternative current motor กำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร ส่วนรุ่นขับเคลื่อน4ล้อจะเสริมมอเตอร์หลังเข้ามาอีกหนึ่งตัว ซึ่งให้กำลังสูงสุด 68 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 139 นิวตันเมตร โดยให้กำลังรวมทั้งระบบ 197 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 6 สปีด

ผู้เขียนได้ลองรุ่น Grand Luxury ขับเคลื่อนสองล้อ ราคา 2.99 ล้านบาท ภายนอกดูอย่างไรก็สวยงามโฉบเฉี่ยว ทั้งกระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ โคมไฟหน้าและรายละเอียดภายใน รูปทรงของไฟขับขี่กลางวันDaytime running lights สอดคล้องกับโคมไฟหลังที่ออกแบบได้เฉียบคมไปในทิศทางเดียวกัน

ภายในดูดี สัมผัสของวัสดุหรูหราสมราคา การตกแต่งเน้นโทนสีเข้มดูสปอร์ต ปุ่มควบคุมระบบต่างๆวางเรียงรายบนพวงมาลัยและคอนโซลกลาง อาจจะดูรกตาแต่เรียนรู้การทำงานได้ไม่ยาก ส่วนหน้าจอแสดงผลขนาด 7 นิ้วชัดใสเห็นเต็มตาแม้เวลากลางวัน พร้อมควบคุมผ่านปุ่มสั่งงานแบบหมุนใกล้ๆคันเกียร์ใช้งานง่าย(เลกซัสเรียก Audio Controller) อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็น NX300h รุ่นท็อปๆระบบควบคุมดังกล่าวจะเป็น Remote touch interface แบบTouchpadที่เลกซัสเขาภูมิใจเหลือเกิน (แต่ส่วนตัวผู้เขียนเคยใช้แล้วไม่ค่อยชอบเท่าไหร่)

ความโดดเด่นของNX300h ประการแรกต้องยกให้ความเงียบภายในห้องโดยสาร ทั้งเสียงการจราจรภายนอก เสียงลมปะทะ และเสียงยางบดพื้นถนนรบกวนเข้ามาน้อย ซึ่งเสียงที่เข้ามากระทบหูมากที่สุดเห็นจะเป็นเสียงของมอเตอร์ไฟฟ้าครับ โดยเฉพาะช่วงถอนคันเร่งที่มอเตอร์ต้องแปลงพลังงานจลน์ที่เสียไปกลับมาเป็นกระแสไฟเก็บไว้ในแบตเตอรี่ ช่วงนี้ละครับอาจจะมีเสียงหวีดๆเข้ามาชัดหน่อย

เรื่องของสมรรถนะจากขุมพลังไฮบริดต้องบอกว่ายอดเยี่ยมอยู่แล้ว อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ทำได้ 9.3 วินาที เท่าที่สังเกตเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าผสานการทำงานกันดี จังหวะเร่งทั้งสองแรงช่วยกันทำงานขมีขมัน ส่งกำลังได้ไหลลื่น แม้รวมๆจะไม่ดุดันเหมือนเครื่องยนต์ดีเซลของ X3 และ Drive-E ของ XC60 แต่การตอบสนองเพียงพอต่อการใช้งานจริง


...อารมณ์ไม่จัดจ้านรุนแรง แต่จะมาแบบพลิ้วๆเนียนๆ อาศัยเรียนรู้จังหวะของการเดินคันเร่ง หรือเลือกเปลี่ยนเกียร์เอง จะช่วยให้การขับขี่สนุกสนานยิ่งขึ้น ทั้งนี้ NX300h Grand Luxury ยังเลือกโหมดการขับขี่ได้ตามสไตล์รถหรูทั่วไป คือ Normal, Eco และ Sport (รุ่นF SPORT ถึงจะมีโหมด Sport S+) ปรับการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ พวงมาลัย โดยไม่เกี่ยวกับช่วงล่าง ตลอดจนโหมด EV ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าล้วนๆ (ในระยะทางสั้นๆบนความเร็วไม่น่าจะเกิน 40 กม./ชม.)

กล่าวถึงช่วงล่างที่หนึบแน่น สอดคล้องกับการควบคุมพวงมาลัยที่ช่วยผ่อนแรงตามสภาพการขับขี่ ขับช้าๆเบามือเลี้ยวสบาย ถ้าขับความเร็วสูงก็หน่วงน้ำหนักขึ้นมา การใช้ความเร็วเกิน 120 กม./ชม.รถทรงตัวดี จังหวะโยนตัวน้อย ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ประกบยาง 225/60R18 บวกกับความเงียบภายในห้องโดยสารให้ความมั่นใจ จนเผลอไผลใช้ความเร็วสูงไปในหลายๆช่วง

อย่างไรก็ตามประเด็นที่ว่าหนึบหนับ เกาะถนนนิ่ง แต่ถ้าวัดความสมดุลรวมๆของช่วงล่าง การควบคุม และจังหวะเบรก ผู้เขียนยังเทใจไปให้บีเอ็มดับเบิลยู X3 20d ที่เหมือนจะเนียนกว่านิดๆครับ

ด้านอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย เลกซัสเคลมไว้ 18.45 กม./ลิตร ส่วนการขับขี่จริงของผู้เขียนทำได้แถวๆ 15-16 กม./ลิตร

รวบรัดตัดความ....สมรรถนะจากขุมพลังไฮบริด ช่วงล่วง และการควบคุม อาจจะไม่ดุดันเท่าเอสยูวีเยอรมันที่วางเครื่องยนต์ดีเซล แต่หากใช้งานปกติ ประสิทธิภาพ-การตอบสนองเหลือเฟือ ขณะเดียวกันด้วยหน้าตาโดดเด่น เทคโนโลยีอำนวยความสะดวก-ปลอดภัยครบครันสมเหตุสมผลกับราคาขาย เอสยูวีน้องเล็กของเลกซัสรุ่นนี้นับเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดี...ตอนนี้อยากหรู เท่ อเนกประสงค์ ไม่ต้องไปถึง RX ก็ได้






กำลังโหลดความคิดเห็น