ข่าวในประเทศ - กรมการขนส่งทางบก เพิ่มมาตรฐานใบขับขี่ใหม่ หวังสร้างนักขับขี่ที่ปลอดภัยสู่ท้องถนน ควบคู่กับการคุมเข้มการตรวจสภาพรถ และจำกัดความเร็วรถโดยสารสาธารณะด้วยระบบ GPS รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ประวัติผู้ขับรถ เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่
อัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนนส่วนใหญ่เกิดจากการขับรถเร็วเกินกำหนด เมาสุรา ประมาท และไม่เคารพกฎจราจร ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการรณรงค์ส่งเสริมความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เพิ่มมาตรฐานการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาหลักสูตรให้ครอบคลุมถึงการขับรถอย่างปลอดภัยในสถานการณ์ต่าง ๆ และรวบรวมนำเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ www.dlt.go.th ให้ศึกษาอย่างกว้างขวาง พร้อมเพิ่มจำนวนข้อสอบเป็น 50 ข้อ โดยผู้ผ่านการทดสอบภาคทฤษฎีต้องผ่าน 45 ข้อ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานความรู้ความสามารถของผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ เพื่อสร้างนักขับขี่ที่ปลอดภัยสู่ท้องถนน
การเพิ่มมาตรฐานใบขับขี่ใหม่ เป็นมาตรการในการส่งเสริมให้ผู้ทดสอบเตรียมตัวเพื่อเป็นนักขับขี่ที่ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการควบคู่กับการส่งเสริมความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการกำหนดให้รถตู้โดยสารสาธารณะต้องติดตั้งระบบ RFID เพื่อควบคุมพนักงานขับรถมิให้ขับรถเร็วเกินกำหนด และการกำหนดให้รถโดยสารประจำทางที่วิ่งจาก กทม. ไปยังต่างจังหวัด และรถบรรทุกวัตถุอันตราย (ลักษณะ 4) และรถลากจูง (ลักษณะ 9) ที่ใช้สำหรับลากรถกึ่งพ่วงบรรทุกวัตถุอันตราย ต้องติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (GPS Tracking) ทุกคัน พร้อมทั้งได้จัดตั้งศูนย์ประวัติผู้ขับรถ เพื่อให้สามารถติดตาม ควบคุม กำกับดูแล พนักงานขับรถไม่ให้ขับเร็วเกินกำหนด และควบคุมชั่วโมงการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังได้คุมเข้มการตรวจสภาพรถของสถานตรวจสภาพรถให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้พัฒนาการตรวจสภาพรถให้ทันสมัยตามมาตรฐานสากล โดยติดตั้งเครื่องตรวจสภาพรถแบบอัตโนมัติตามสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อให้คุณภาพการตรวจสภาพรถเป็นมาตรฐานเดียวกัน มีความเที่ยงตรง แม่นยำ
โดยเน้นความปลอดภัยในตัวรถ อาทิ ระบบห้ามล้อ ระบบไอเสีย ระบบไฟฟ้า ระบบช่วงล่าง ตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องยนต์และเลขตัวถัง ตรวจสอบสภาพตัวถัง และตรวจสอบมลพิษจากรถยนต์ เป็นต้น ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้ง ยกระดับมาตรฐานการตรวจสภาพรถของสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) โดยให้ปรับปรุงระบบรายงานผลการตรวจสภาพรถ ให้สามารถส่งข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศ มายังกรมการขนส่งทางบกแบบ Real time เพื่อควบคุม กำกับดูแลการดำเนินงานของสถานตรวจสภาพรถให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับกรมการขนส่งทางบกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนนส่วนใหญ่เกิดจากการขับรถเร็วเกินกำหนด เมาสุรา ประมาท และไม่เคารพกฎจราจร ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการรณรงค์ส่งเสริมความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เพิ่มมาตรฐานการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาหลักสูตรให้ครอบคลุมถึงการขับรถอย่างปลอดภัยในสถานการณ์ต่าง ๆ และรวบรวมนำเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ www.dlt.go.th ให้ศึกษาอย่างกว้างขวาง พร้อมเพิ่มจำนวนข้อสอบเป็น 50 ข้อ โดยผู้ผ่านการทดสอบภาคทฤษฎีต้องผ่าน 45 ข้อ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานความรู้ความสามารถของผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ เพื่อสร้างนักขับขี่ที่ปลอดภัยสู่ท้องถนน
การเพิ่มมาตรฐานใบขับขี่ใหม่ เป็นมาตรการในการส่งเสริมให้ผู้ทดสอบเตรียมตัวเพื่อเป็นนักขับขี่ที่ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการควบคู่กับการส่งเสริมความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการกำหนดให้รถตู้โดยสารสาธารณะต้องติดตั้งระบบ RFID เพื่อควบคุมพนักงานขับรถมิให้ขับรถเร็วเกินกำหนด และการกำหนดให้รถโดยสารประจำทางที่วิ่งจาก กทม. ไปยังต่างจังหวัด และรถบรรทุกวัตถุอันตราย (ลักษณะ 4) และรถลากจูง (ลักษณะ 9) ที่ใช้สำหรับลากรถกึ่งพ่วงบรรทุกวัตถุอันตราย ต้องติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (GPS Tracking) ทุกคัน พร้อมทั้งได้จัดตั้งศูนย์ประวัติผู้ขับรถ เพื่อให้สามารถติดตาม ควบคุม กำกับดูแล พนักงานขับรถไม่ให้ขับเร็วเกินกำหนด และควบคุมชั่วโมงการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังได้คุมเข้มการตรวจสภาพรถของสถานตรวจสภาพรถให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้พัฒนาการตรวจสภาพรถให้ทันสมัยตามมาตรฐานสากล โดยติดตั้งเครื่องตรวจสภาพรถแบบอัตโนมัติตามสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อให้คุณภาพการตรวจสภาพรถเป็นมาตรฐานเดียวกัน มีความเที่ยงตรง แม่นยำ
โดยเน้นความปลอดภัยในตัวรถ อาทิ ระบบห้ามล้อ ระบบไอเสีย ระบบไฟฟ้า ระบบช่วงล่าง ตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องยนต์และเลขตัวถัง ตรวจสอบสภาพตัวถัง และตรวจสอบมลพิษจากรถยนต์ เป็นต้น ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้ง ยกระดับมาตรฐานการตรวจสภาพรถของสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) โดยให้ปรับปรุงระบบรายงานผลการตรวจสภาพรถ ให้สามารถส่งข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศ มายังกรมการขนส่งทางบกแบบ Real time เพื่อควบคุม กำกับดูแลการดำเนินงานของสถานตรวจสภาพรถให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับกรมการขนส่งทางบกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น