นราธิวาส - ขนส่งสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เปิดสอบใบขับขี่แบบใหม่ มีผู้ทำข้อสอบผ่านเพียงร้อยละ 40 จากเดิมที่สามารถสอบผ่านถึงร้อยละ 85 เครื่องสอบใบขับขี่จะมีแปลเป็น 5 ภาษา เจ้าหน้าที่ขนส่งแนะโทร.จองคิวทำบัตรล่วงหน้าเพื่อความสะดวก ด้าน ปชช.ส่วนใหญ่รับได้กับหลักเกณฑ์ใหม่หากทำให้อุบัติเหตุลดลง และเกิดความปลอดภัยบนท้องถนนมากขึ้น
วันนี้ (3 มิ.ย.) นายธรรมราช จันธิปะ เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน สำนักงานขนส่งอำเภอสุไหงโก-ลก เปิดเผยภายหลังจากกรมการขนส่งทางบกได้เพิ่มความเข้มงวดในการออกใบขับขี่โดยปรับหลักเกณฑ์ใหม่ ผู้สอบใบขับขี่แต่ละคนจะต้องทำข้อเขียน 50 ข้อ จากเดิม 30 ข้อ รวมทั้งเกณฑ์การผ่านข้อเขียนดังกล่าวต้องผ่านไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 หรือต้องผ่านไม่น้อยกว่า 45 ข้อ จากเดิมใช้เกณฑ์วัดผลร้อยละ 75 จากข้อสอบ 30 ข้อ และเพิ่มคลังข้อสอบ เป็น 1,000 ข้อ จากเดิมมี 300 ข้อ เพื่อยกระดับมาตรฐานสอบใบขับขี่ในไทยให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อผู้ขับขี่จะได้รู้กฎหมายอย่างจริงจัง และมีคุณสมบัติเพียงพอหากต้องไปขับรถประเทศอื่นที่มีกฎหมายจราจร
นอกจากนี้ เครื่องสอบใบขับขี่จะมีแปลเป็น 5 ภาษาคือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษามาเลเซีย (รูมี) ภาษาญี่ปุ่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในพื้นที่ซึ่งอาจถนัดภาษามาเลเซียมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม กว่าร้อยละ 90 ยังคงมีการสอบด้วยภาษาไทย ส่วนการฝึกอบรมตามแผนจะต้องเพิ่มระยะเวลาการเข้าอบรมเป็น 8 -12 ชั่วโมงตามลำดับแต่ขณะนี้ยังจำเป็นต้องใช้ระยะเวลา 4 ชั่วโมงไปก่อน และปรับขึ้นตามความเหมาะสมต่อไป
โดยเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.57 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกที่จัดการสอบตามหลักเกณฑ์ใหม่ พบว่ามีผู้ที่สามารถทำข้อสอบผ่านเกณฑ์ คือ 45 คะแนนขึ้นไป มีเพียงร้อยละ 40 ต่างจากการหลักเกณฑ์เก่าที่แต่ละครั้งจะมีผู้สอบผ่านมากถึงร้อยละ 85 ส่วนการสอบภาคปฏิบัติพบว่ามีผู้สอบผ่านเพียงร้อยละ 60 สำหรับผู้ที่สอบไม่ผ่านจะมีการสอบซ่อมในเช้าวันถัดไป
นายธรรมราช กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ 4 อำเภอประกอบด้วย อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง อ.สุไหงปาดี และ อ.สุคิริน หากต้องการที่จะเดินทางมาทำใบขับขี่ขอให้โทรศัพท์มานัดคิวล่วงหน้าที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-7364-6561 ในวันและเวลาราชการ เพื่อความสะดวกในการใช้บริการ เนื่องจากแต่ละวันจะสามารถรอบรับผู้เข้าสอบได้เพียง 18 คนเท่านั้น
ด้าน น.ส.จรัสศรี บูรณภรณ์ อายุ 18 ปี ซึ่งได้เดินทางมาสอบใบขับขี่ครั้งแรก ยอมรับว่าข้อสอบยากมาก สอบครั้งแรกได้เพียง 44 คะแนน ต้องมาสอบซ่อม โดยได้คะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 48 คะแนน เมื่อทราบว่าสอบผ่านรู้สึกดีใจมาก เพราะเตรียมตัวมาสอบรอบใหม่เต็มที่ และคาดหวังว่าตนเองจะผ่าน
ทั้งนี้ พอใจที่กรมการขนส่งทางบก ออกหลักเกณฑ์ใหม่ที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งจากเดิมแม้จะขับรถจักรยานยนต์จนชำนาญมากว่า 2 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ทราบเรื่องของเครื่องหมายจราจรมากนัก เมื่อได้มานั่งอบรม และทำข้อสอบทำให้เข้าใจเรื่องของเครื่องหมายจราจรมากขึ้น และยืนยันจะปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัดด้วยความภาคภูมิใจที่ได้รับใบขับขี่ใบแรกในชีวิตมาอย่างยากลำบาก อีกทั้งเพื่อความปลอดภัยของตนเอง และผู้ร่วมใช้รถใช้ถนนด้วย