xs
xsm
sm
md
lg

ภูเก็ตเปิดศูนย์จัดการจราจรขึ้น-ลงเขาป่าตอง ลดความเสี่ยงบนท้องถนน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ต เปิดศูนย์บริการจัดการจราจรขึ้น-ลงเขาป่าตอง สนธิกำลังหลายฝ่ายลดความเสี่ยงบนท้องถนน ป้องกันปัญหายาเสพติด และอาชญากรรม

เมื่อเวลา 16.30 วันนี้ (10 มี.ค.) นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์บริการจัดการจราจรขึ้น-ลงเขาป่าตอง อ.กะทู้ ณ บริเวณป้อมตำรวจจุดตรวจสี่กอ ต.ทุ่งทอง อ.กะทู้ โดยมี นายอภิสรรค์ สง่าศรี นายอำเภอกะทู้ นายชัยอนันท์ สุทธิกุล นายกเทศมนตรีเมืองกะทู้ นายธีรยุทธ์ ประเสริฐผล ขนส่งจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ตลอดจนฝ่ายปกครอง แขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง มูลนิธิกุศลธรรม รวมทั้งเครือข่ายตาสับปะรดในพื้นที่ เข้าร่วมในพิธีเปิดจำนวนมาก

นายอภิสรรค์ สง่าศรี นายอำเภอกะทู้ กล่าวว่า ปัจจุบันการจราจรขึ้น-ลงเขาป่าตอง ประสบปัญหาทางด้านการจราจร ปัญหารถติดในช่วงเวลาเร่งด่วน และการเกิดอุบัติเหตุทางถนนบ่อยครั้ง โดยเฉพาะรถบัส รถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถที่มีน้ำหนักการบรรทุกมาก ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ รวมทั้งภาพลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยวเมืองป่าตอง และการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณช่วงถนนทางขึ้น และลงเขาป่าตอง เนื่องจากสภาพเป็นเส้นทางขึ้นเขาที่มีความลาดชัน และทางโค้งคดเคี้ยว และมีการจราจรหนาแน่น

จากปัญหาดังกล่าว ที่ผ่านมาทางอำเภอกะทู้ ได้ดำเนินการหามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยบูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถทราบถึงสภาพถนน แผนผังเส้นทาง และมาตรการป้องกัน และจัดทำป้ายจำกัดความเร็ว จัดทำไม้หมอนหนุนล้อรถ เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ติดตั้งไว้บริเวณข้างทางทุกระยะ 50 เมตร และในวันนี้ เป็นการเปิดศูนย์บริการจัดการจราจรขึ้น-ลงเขาป่าตอง ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาในลักษณะบูรณาการ ทั้งภาครัฐและเอกชน สนธิกำลังปฏิบัติการวันละประมาณ 50 นาย โดยมีปลัดอำเภอ และนายตำรวจควบคุมการปฏิบัติ

ในระยะแรก ได้กำหนดปฏิบัติการตั้งจุดตรวจร่วมสัปดาห์ละ 2 วัน คือ วันจันทร์ และวันพฤหัสบดี หรืออาจปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมตามความเหมาะสมของสถานการณ์ โดยได้เริ่มปฏิบัติการมาตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการตรวจรถบัส และรถบรรทุก รวมทั้งรถยนต์ทั่วไป จำนวน 128 คัน และทำการสุ่มตรวจปัสสาวะทั้งผู้ขับขี่รถยนต์ พนักงานประจำรถ และไกด์นำเที่ยว รวมจำนวน 130 ราย ผลการตรวจพบปัสสาวะเป็นบวก จำนวน 15 ราย ส่งเข้ารับการบำบัดรักษา ในระบบเมรติกโปรแกรม จำนวน 11 ราย รอส่ง 2 ราย ดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติด จำนวน 2 ราย ขนส่งจังหวัดภูเก็ต ได้ดำเนินการตามมาตรการเปรียบเทียบปรับผู้ประกอบการ จำนวน 9 ราย และสถานีตำรวจท่องเที่ยว ได้ตรวจรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เปรียบเทียบปรับ จำนวน 245 ราย

ด้านนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับศูนย์บริการจัดการจราจรขึ้น-ลงเขาป่าตอง ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายปกครอง สถานีตำรวจภูธรทุ่งทอง สำนักงานขนส่งจังหวัด เทศบาลเมืองกะทู้ สำนักงานสาธารณสุข อำเภอกะทู้ และมูลนิธิ รวมทั้งเครือข่ายตาสับปะรดในพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อต้องการลดความเสี่ยงบนท้องถนน กับป้องกันปัญหายาเสพติด และอาชญากรรมคู่กันไป ปัญหาความเสี่ยงบนท้องถนน มีการรณรงค์กันหนักที่สุดช่วงเทศกาลปีใหม่ กับเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งนี้ก็ใกล้จะเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ เราก็ต้องมีการรณรงค์กันอีก ประเด็นความเสี่ยงบนท้องถนน โดยเฉพาะจุดขึ้นเขาป่าตอง เป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูงสุด อุบัติเหตุโดยรถบัสเกิดขึ้น 2 เดือนครั้งโดยเฉลี่ย เพราะฉะนั้นเราลดความเสี่ยงโดยการตรวจรถโดยสาร รถยนต์ รถท่องเที่ยว

นายไมตรี กล่าวอีกว่า สำหรับความเสี่ยงของเรามี 4 ประการ ประการแรก เรื่องเกี่ยวกับรถ ตัวรถ สมรรถนะของรถ ความพร้อมของรถในการขึ้นเขา ซึ่งต้องมีสมรรถนะที่ดี ประการที่ 2 เรื่องคน ต้องมีความชำนาญเส้นทาง มีประสบการณ์ในการขับรถ ต้องไม่เสพสุรา และสารเสพติด เราก็จะตรวจในเรื่องดังกล่าว ณ จุดตรวจตรงนี้ ซึ่งเราทำต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประการที่ 3 เรื่องวิศวกรรมจราจร อันนี้ทางหลวงจะเป็นเจ้าภาพในการตีเส้น ทำขาวแดง ในการแบ่งช่องจราจร ในการดูถนนชำรุดในการขยายถนน ปีนี้เราได้งบประมาณ 15 ล้านบาทในการขยายถนนบนเขาป่าตอง ก็จะรีบทำ รวมทั้งป้ายต่างๆ ของทางหลวง และประการที่ 4 เรื่องระบบการจราจร เส้นทางเดินทางเดียว เดินสองทาง ระบบวันเวย์ต่างๆ ทั้งก่อนขึ้นเขาและในตัวเมืองป่าตองเองที่มีผลกระทบต่อการจัดการจราจรบนเขาป่าตอง

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 4 ประการนี้ต้องสอดคล้องกัน สำคัญที่สุดเราต้องหยุดในจิตสำนึกของทุกคน และตนให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งอาจจะไม่สวมหมวกนิรภัย แต่งกายอาจจะไม่สุภาพ ไม่สวมหมวกกันนิรภัย และไม่ชำนาญเส้นทาง อันนี้เป็นความเสี่ยง ซึ่งมีชาวต่างประเทศเสียชีวิตอยู่เนืองๆ เราก็จะพยายามจะกำจัดจุดอ่อนตรงนี้ ก็ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมรณรงค์กันอย่างเต็มที่ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะจุดนี้ แต่จุดนี้มีความเสี่ยงสูง เราจึงต้องรณรงค์จุดนี้ก่อน” นายไมตรี กล่าวในที่สุด







กำลังโหลดความคิดเห็น