ความรุ่งเรืองในอดีตของจากัวร์ กับโลกมอเตอร์สปอร์ตได้ถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ผ่านทางต้นแบบรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ใช้ชื่อว่า Project-7 ซึ่งทางจากัวร์พัฒนาขึ้นมา เพื่อใช้ในการจัดแสดงและโชว์ตัว ในงาน FOS หรือ Festival of Speed ที่ Goodwood ประเทศอังกฤษ
Project-7 ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องมาจากการอิงพื้นฐานของโรดสเตอร์รุ่นเด่น ที่กำลังทำตลาดในตอนนี้อย่าง F-Type และมีเอียน คัลลัม ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ นั่งอยู่เบื้องหลังของการสร้างสรรค์รูปลักษณ์ เพื่อสะท้อนถึงความสำเร็จของตัวดังในอดีตอย่าง D-Type ซึ่งสามารถกวาดชัยชนะในการแข่งขันมาราธอน 24 ชั่วโมง อย่างเลอมังส์ได้ถึง 3 ปีติดต่อกันในระหว่าง 1955-1957 โดยจากัวร์ส่งตัวแข่งรุ่นนี้เข้าร่วมการแข่งขันในปี 1954-1957
ตรงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของจากัวร์ในความสำเร็จกับการแข่งขันเลอมังส์ เพราะตลอดเวลาที่เข้าร่วมการแข่งขันในระหว่างปี 1951-1990 จากัวร์กวาดแชมป์มาครองได้ถึง 7 ครั้ง และตรงนี้ถูกสะท้อนออกมาทางหมายเลข 7 ที่แปะอยู่ตามจุดต่างๆ ของตัวรถ รวมถึงหมวกกันน็อค
Project-7 ได้รับการดัดแปลงตัวถังใหม่หมดเพื่อเพิ่มความสปอร์ตและให้สมกับเป็นตัวแข่ง โดยมีการถอดระบบหลังคาอ่อนออกไป และตัดกระจกบังลมหน้าให้เตี้ยลงกว่าเดิม เสริมด้วยตัวถังที่โป่งนูนขึ้นหลังทางด้านหลังของผู้ขับขี่ (รถพวงมาลัยขวา) เพื่อทำหน้าที่ปกป้องศีรษะของนักแข่งหากเกิดการพลิกคว่ำ และเพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ พร้อมกับชุดพาร์ตที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์รอบคัน รวมถึงล้อแม็กวงโตขนาด 20 นิ้ว
เครื่องยนต์ที่วางอยู่ด้านหน้ายกชุดมาจากรุ่น S เป็นขุมพลังวี8 5,000 ซีซีที่มาพร้อมกับซูเปอร์ชาร์จ ซึ่งทีมงานของจากัวร์เค้นพลังอีกนิดด้วยการอัพแรงม้าอีก 54 ตัวเป็น 542 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดขยับขึ้นมาเป็น 69.3 กก.-ม. ทำให้สามารถขยับความเร็วจากจุดหยุดนิ่งสู่ระดับ 96 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 4.1 วินาที เร็วกว่ารุ่นผลิตขายจริง 0.1 วินาที และมีความเร็วปลาย 299 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ผลิตออกมาเพียงคันเดียว สำหรับโชว์โฉม...จากัวร์ว่ามาอย่างนั้น แต่ถ้าเสียงเรียกร้องมีมาก ไม่แน่อาจจะใจอ่อนผลิตออกมาขายในแบบ Limited Edition ก็ได้
Project-7 ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องมาจากการอิงพื้นฐานของโรดสเตอร์รุ่นเด่น ที่กำลังทำตลาดในตอนนี้อย่าง F-Type และมีเอียน คัลลัม ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ นั่งอยู่เบื้องหลังของการสร้างสรรค์รูปลักษณ์ เพื่อสะท้อนถึงความสำเร็จของตัวดังในอดีตอย่าง D-Type ซึ่งสามารถกวาดชัยชนะในการแข่งขันมาราธอน 24 ชั่วโมง อย่างเลอมังส์ได้ถึง 3 ปีติดต่อกันในระหว่าง 1955-1957 โดยจากัวร์ส่งตัวแข่งรุ่นนี้เข้าร่วมการแข่งขันในปี 1954-1957
ตรงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของจากัวร์ในความสำเร็จกับการแข่งขันเลอมังส์ เพราะตลอดเวลาที่เข้าร่วมการแข่งขันในระหว่างปี 1951-1990 จากัวร์กวาดแชมป์มาครองได้ถึง 7 ครั้ง และตรงนี้ถูกสะท้อนออกมาทางหมายเลข 7 ที่แปะอยู่ตามจุดต่างๆ ของตัวรถ รวมถึงหมวกกันน็อค
Project-7 ได้รับการดัดแปลงตัวถังใหม่หมดเพื่อเพิ่มความสปอร์ตและให้สมกับเป็นตัวแข่ง โดยมีการถอดระบบหลังคาอ่อนออกไป และตัดกระจกบังลมหน้าให้เตี้ยลงกว่าเดิม เสริมด้วยตัวถังที่โป่งนูนขึ้นหลังทางด้านหลังของผู้ขับขี่ (รถพวงมาลัยขวา) เพื่อทำหน้าที่ปกป้องศีรษะของนักแข่งหากเกิดการพลิกคว่ำ และเพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ พร้อมกับชุดพาร์ตที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์รอบคัน รวมถึงล้อแม็กวงโตขนาด 20 นิ้ว
เครื่องยนต์ที่วางอยู่ด้านหน้ายกชุดมาจากรุ่น S เป็นขุมพลังวี8 5,000 ซีซีที่มาพร้อมกับซูเปอร์ชาร์จ ซึ่งทีมงานของจากัวร์เค้นพลังอีกนิดด้วยการอัพแรงม้าอีก 54 ตัวเป็น 542 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดขยับขึ้นมาเป็น 69.3 กก.-ม. ทำให้สามารถขยับความเร็วจากจุดหยุดนิ่งสู่ระดับ 96 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 4.1 วินาที เร็วกว่ารุ่นผลิตขายจริง 0.1 วินาที และมีความเร็วปลาย 299 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ผลิตออกมาเพียงคันเดียว สำหรับโชว์โฉม...จากัวร์ว่ามาอย่างนั้น แต่ถ้าเสียงเรียกร้องมีมาก ไม่แน่อาจจะใจอ่อนผลิตออกมาขายในแบบ Limited Edition ก็ได้
