ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เทกแอ๊กชั่นกันสุดฤทธิ์ทีเดียว สำหรับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในคดีรถหรูไหม้ไฟ ที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่ง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เทกแอ๊กชั่นขยายผลร่วมกับ 5 หน่วยงานคือกรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรมการขนส่งทางบก สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ออกมาไล่ตรวจสอบรถยนต์หรูคันอื่น และสถานที่ประกอบรถหรู ที่ไม่ได้มาตรฐานเหล่านี้ จนเป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวัน ไม่เว้นแม้แต่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ที่จดปากกาเซ็นกฎกระทรวงห้ามจดทะเบียนรถประกอบ
เทกแอกชั่นเสียจนสังคมตั้งข้อสังเกตว่า เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการเพื่อทำให้สับสนวุ่นวายจนลืมสืบสาวราวเรื่องไปถึงขาใหญ่เจ้าของรถหรูที่ถูกไฟไหม้ตัวจริง โดยเฉพาะขาใหญ่ในวงการที่คนทั้งบ้านทั้งเมืองรู้จักกันดีในชื่อของ “เจ๊ ด.” หรือไม่
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นของดีเอสไอพบว่า ขณะนี้มีรถอยู่ในบัญชีต้องตรวจสอบ 5,832 คัน โดยชั้นแรกจะตรวจสอบรถจดประกอบที่มีมูลค่าเกิน 4 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 488 คัน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นรถที่จดทะเบียนในกทม. 71 คัน ส่วนที่เหลืออีก 417 คัน เป็นรถที่จดทะเบียนในภูมิภาค
สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ ขั้นตอนการตรวจสอบความสมบูรณ์ทางเอกสาร โดยเริ่มตั้งแต่เอกสารการนำเข้าชิ้นส่วนต่างๆ ที่ผ่านวิธีการและพิธีการของศุลกากร เพื่อนำมาดำเนินการประกอบขึ้นเป็นรถ ซึ่งถือเป็นการประกอบในประเทศตามสถานที่ที่ได้จดทะเบียนไว้กับกรมสรรพสามิต
จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนของวิศวกรที่ได้รับอนุญาตรับรองความมั่นคงแข็งแรงของรถก่อนที่จะนำไปเสนอให้กรมสรรพสามิตจัดเก็บหรือที่เรียกว่า การขอรับราคาว่าถูกต้องหรือไม่รวมไปถึงการตรวจสอบของ สมอ.ในกรณีใช้เชื้อเพลิงหลักและแก๊ส ซึ่งต้องมีวิศวกรผู้ได้รับอนุญาตทำการรับรอง ส่วนขั้นตอนสุดท้ายคือการจดทะเบียนรถกับกรมการขนส่งทางบก
โดยหลังจากตรวจสอบแล้วจะมีการประกาศรายชื่อผู้ครอบครองรถทั้ง 488 คันให้สังคมได้รับทราบ แต่รายชื่อที่ประกาศดังกล่าวนั้นไม่ได้หมายความว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในเรื่องของการหลบเลี่ยงการเสียภาษีแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่สังคมให้ความสนใจคงไม่พ้นบรรดารายชื่อบิ๊ก เนมหรือนักการเมือง ข้าราชการ ว่าดีเอสไอจะสาวถึงหรือไม่ ซึ่งในรอบนี้ก็ปรากฏชื่อบิ๊กเนมออกมาให้เห็นบ้างแล้ว โดยส่วนใหญ่ผู้ครอบครองเป็นกลุ่มนักธุรกิจ เครือข่ายนักการเมืองและข้าราชการ เช่น เจ้าของฉายารองโรมานอฟ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย มีรถเบนซ์ ติดแก๊ส 1 คัน น.ส.ศรีวรรณ รักตพงศ์ไพศาล น้องสาวนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงานมีรถเบนซ์เครื่องเบนซิน 1 คัน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข มีรถจากัวร์ ติดแก๊ส 1 คัน พล.ต.สุรพงส์ ปราการรัตน์ มีรถเบนซ์ ติดแก๊ส 1 คัน พล.ต.ต.เพชรัตน์แสงไชย มีรถเบนซ์ ติดแก๊ส 1 คัน พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร.มีรถเบนซ์ ติดแก๊ส1 คัน พ.ต.อ.สุรพงษ์ ผิวงาม มีพอร์ช 1 คัน พ.ต.อ.ประภากร ริ้วทอง มีรถนิสสัน ติดแก๊ส 1 คัน
น.ส.ศุธาภา อุตตะโมต ลูกสาวนายประวัฒน์อุตตะโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ มีรถเบนซ์ติดแก๊ส1 คัน นายไกรวิชญ์ เฮงสวัสดิ์ หรือนายแพทย์ กวีวัธน์ หรือหมอไพศาล เจ้าของสถานเสริมความงามไบโอคลินิก ย่านสะพานใหม่ มี รถนิสสันติดแก๊ส 1 คันน.ส.บุศรา ศรีรุ่งเรือง หรือกิ๊ฟ นักร้องลูกทุ่งเจ้าของบทเพลงขนแขนสแตนอัพ อดีตมิสทีน ไทยแลนด์ปี 2001 พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝนเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม จากัวร์ 1 คัน พ.ต.ท.ประสงค์ พันธุ์สวัสดิ์ อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ฯลฯ
แม้แต่ อธิบดีกรมศุลกากร นางเบญจา หลุยเจริญ ก็ยังมีกระแสข่าวเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเจ้าตัวปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็น 1 ใน 488 รายชื่อที่กรมสอบสวนคดีพิเศษประกาศออกมาในฐานะที่เป็นผู้ครอบครองรถหรู เพราะไม่เคยจดทะเบียนรถหรูหรือรถจดประกอบแต่อย่างใด ส่วนที่ระบุว่ามีเจ้าหน้ากรมศุลกากรกว่า 100 คนเข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการนำเข้ารถหรูนั้น เข้าใจว่าเป็นเรื่องเก่า ซึ่งกรมศุลกากรได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบไปแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ยังไม่ได้มีผลสรุปออกมา เพราะมีเอกสารเกี่ยวข้องจำนวนมาก
ขณะเดียวกันที่ทีเด็ดกว่านั้น คือรถยนต์หรู 1 ในจำนวน 4 คัน ที่ถูกไฟไหม้บนเทรลเลอร์เสียหาย ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา คือ รถยี่ห้อลัมโบร์กินี่ รุ่น กัลลาร์โด สีขาว ป้ายแดง ทะเบียน ถ-3278 กรุงเทพมหานคร มีรายงานว่ากันว่า เป็นรถที่สองแม่ยายพ่อตานักการเมืองใหญ่ของไทยจัดส่งไปมอบเป็นของขวัญให้ลูกเขยที่ประเทศกัมพูชา โดยจะดำเนินการส่งข้ามแดนเข้าไปยังประเทศกัมพูชา ผ่านบริเวณด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และ อีกพื้นที่หนึ่งที่สำรองการผ่านแดนเอาไว้ คือ ด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
ว่ากันว่า การนำรถหรูผ่านแดนส่งไปให้ลูกเขยในประเทศกัมพูชา ดังกล่าว ดำเนินการประสานงานการผ่านแดน โดยกลุ่มผู้ประกอบการกาสิโนชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีหุ้นส่วนกับคนใกล้ชิดของเพื่อนซี้ชั่วนิรันดร์ของนายใหญ่ที่อยู่แดนไกล ซึ่งระดับบิ๊กของกัมพูชามีการรับทราบและยินยอมที่จะให้รถลัมโบร์กินี่ผ่านแดนจากไทยเข้ากัมพูชาโดยสะดวก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ หรือ ด่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ก็จะได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ เพราะได้มีการประสานงานไว้เรียบร้อยหมดแล้ว
แน่นอน ขาใหญ่ที่ตกเป็นข่าวนั้น จะเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจาก “ชายตู้เย็นและเจ๊ ด.” ผู้ทรงอิทธิพลแห่งการเมืองไทย เพราะใครต่างก็ทราบดีว่าสายสัมพันธ์แนบแน่นถึงขั้นเป็นทองแผ่นเดียวกันไปเรียบร้อยแล้ว
เพราะจะว่าไปแล้วหากไม่เกิดเหตุการณ์บังเอิญ นายธาริตคงไม่ต้องมาจับคดีที่อาจไปเหยียบตาปลาของคนใหญ่คนโตในรัฐบาล และก็คงไม่ต้องมานั่งถูกตั้งคำถามกับประชาชนว่าจะสามารถสาวไส้กระชากคอคนใหญ่คนโตที่ร่วมขบวนการมาเอาผิดได้หรือไม่ เพราะความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ขบวนการเลี่ยงภาษีรถหรูเถื่อนใช่ว่าจะเพิ่งเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ดำรงอยู่มาเนิ่นนาน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ดีเอสไอรับรู้ข้อมูลเหล่านี้มาโดยตลอด
เหมือนกับที่ พ.ต.อ.ภาณุ บูรณศิริ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ให้ความเห็นตรงไปตรงมาว่า “มั่นใจว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่เช่นนั้นเครือข่ายเหล่านี้คงไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะเอกสารที่ใช้ในการดำเนินการ ทุกอย่างล้วนเป็นของจริง”
และจากจำนวนรถทั้งหมด นายธาริตก็ยังบอกว่าเป็นรถเลี่ยงภาษีอยู่ถึง 85% โดยความเสียหายของรัฐในเรื่องนี้ ประเมินแล้วไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท หากนำเข้ามาปกติจะเสียภาษี 200-314% แต่ถ้าหลีกเลี่ยงจะเสียเพียง 30-50% แน่นอนเรื่องนี้ ต้องมีเจ้าหน้าที่ร่วมมือด้วยไม่อย่างงั้นคงไม่มีทางได้ร่อนตะแกรงเนียนๆ เปลี่ยนเป็นรถที่คิดว่าถูกต้อง
ดังนั้น สังคมก็คงต้องฝากความหวังที่ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอที่ทำขึงขังโดดเข้ามาคุ้ยตรวจสอบรถหรูเอาดื้อๆ เพราะการทุจริตนำเข้ารถพวกนี้ไม่ได้เพิ่งขึ้นหลังจากรถเทรลเลอร์บรรทุกรถราคาแพง 6 คันถูกไฟไหม้ที่กลางดงเมื่อวันก่อนเสียเมื่อไหร่
สิ่งที่ประชาชนสงสัยก็คือเข้ามาเพื่อตัดตอน ไม่ให้สาวไปถึงนักการเมืองขาใหญ่ หรือไม่ และที่ประกาศว่าการดำเนินคดีเกี่ยวกับรถยนต์หรูจะแล้วเสร็จภายใน 6 เดือน จึงจะส่งสำนวนให้อัยการได้ ประชาชนก็กำลังรอดูน้ำยาของดีเอสไออย่างใจจดจ่อ ถึงจะพอเห็นภาพลางๆอยู่แล้วก็ตามที