วันนี้(30 ต.ค.)บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดการเปิดตัว “เลกซัส LS ใหม่” รถหรูรุ่นใหญ่แบรนด์ในเครือ ที่มาพร้อมทางเลือกหลากหลายทั้ง LS460,LS460L(รุ่นฐานล้อยาว) และLS600h ขุมพลังไฮบริด ราคา 9.85-13.58 ล้านบาท
สำหรับเลกซัส LS ใหม่ ได้รับการปรับปรุงในรายละเอียดมากกว่า 3,000 จุด โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดุดัน มีสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น แต่ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเลกซัสคือ ความเงียบและความประณีต ด้วยLS600h ยนตรกรรมไฮบริด และLS460 ,LS460L รุ่นฐานล้อยาวที่หรูหรา และครั้งแรกกับรุ่น F-Sport ที่ให้อารมณ์สปอร์ตทั้งรูปลักษณ์พร้อมสมรรถนะ
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก เลกซัสLS ใหม่โดดเด่นด้วยการนำหลอดไฟ LED มาใช้ในทุกจุด รวมถึงไฟตัดหมอกทรงแนวตั้งที่มาพร้อมเลนส์ PES (โพลิเอสเตอร์) ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดของโลก ระบบไฟหน้าที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่ในเวลากลางวัน รูปทรงตัวแอล (Daytime Running Lights) สะท้อนให้เห็นรูปแบบที่นำสมัย พร้อมกระจังหน้าแบบใหม่ “Spindle Grille”
ด้านประสิทธิภาพการขับขี่ ในรุ่น LS600hL ไฮบริด นำเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง ที่ให้กำลัง 445 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนแบบ Full-time AWD ให้ความมั่นใจในทุกสภาพการขับขี่
ขณะที่รุ่น LS460 มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.6 ลิตร พร้อมระบบปรับวาล์วแปรผัน Dual VVT-iE ให้กำลังสูงสุด 380 แรงม้า ส่งกำลังขับเคลื่อนล้อหลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด โดยผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ5 (EURO 5)
ในเวอร์ชั่น F SPORT ถือเป็นการนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของยานยนต์หรู ที่ให้อารมณ์การขับขี่แบบบสปอร์ต ผสมผสานรูปแบบภายนอกที่ดุดัน กับภายในโฉบเฉี่ยวเร้าใจ พร้อมปรับความสูงของระบบช่วงล่างลง 10 มม. ดิสค์เบรคคู่หน้า Brembo แบบ 6 พอร์ต และแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย (Paddle Shift) ทั้งยังเสริมประสิทธิภาพด้วยเฟืองท้ายหลังแบบ Torsen Limited Slip
อย่างไรก็ตามด้วยเทคนิคการเชื่อมตัวถังแบบใหม่ ทำให้โครงสร้างของเลกซัส LS ใหม่มีความแข็งแรง มั่นคงและยืดหยุ่น ให้ความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับการโช๊คอัพแบบแปรผันค่าความหนืด (Frequency Adaptive Damping) ระบบรองรับการสั่นสะเทือนแบบถุงลม (Adaptive Variable Suspension) ทำให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนดียิ่งขึ้น
ด้านระบบพวงมาลัยได้รับการปรับปรุงให้มีความแม่นยำ และระบบเบรคที่ตอบสนองการเบรคในสถานะการณ์ฉุกเฉินได้รวดเร็วมากขึ้น รวมถึงโหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ คือ ECO, COMFORT, NORMAL, SPORTS และ SPORT S+
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกกับ Lexus Climate Concierge หรือ ระบบปรับอุณหภูมิอัจฉริยะแบบ Multi-Zone ที่ใช้เซ็นเซอร์กว่า 13 ตัว เพื่อวัดสภาพอากาศภายในห้องโดยสาร และกระจายความเย็นหรือความร้อนอย่างสม่ำเสมอทั่วห้องโดยสารตามความต้องการของผู้โดยสารแต่ละคน รวมทั้งปรับอุณหภูมิบริเวณเบาะนั่งและพวงมาลัยโดยอัตโนมัติ
ขณะเดียวกันระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารของเลกซัสLS ยังทำงานผสานกับ นาโน-อี(Nano-e) เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ด้วยคุณสมบัติพิเศษ โดยการปล่อยประจุลบของน้ำออกมา เพื่อดักจับ และทำลาย เชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย ภายในห้องโดยสาร ช่วยขจัดกลิ่นอับชื้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ ทำให้อากาศภายในห้องโดยสารสะอาด
ภายในโดดเด่น ด้วย Advanced Illumination System (AIS) สะท้อนความหรูหราภายในด้วย Welcome Light LED สี Champagne White บริเวณคอนโซลหน้า ที่จะเรืองแสงต้อนรับเมื่อเข้าใกล้ตัวรถ พร้อมแผงหน้าปัดที่ง่ายต่อการควบคุมและการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ด้วยการแบ่งโซนอย่างเด่นชัด ทั้งโซนแสดงผล (Display Zone) ซึ่งประกอบไปด้วย LCD Multi-display ขนาดใหญ่ที่สุด 12.3 นิ้ว และโซนควบคุม (Operation Zone) ที่สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย ด้วย Remote Touch Interface (RTI) เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่สามารถควบคุมระบบการทำงานต่างๆ ในรถยนต์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เสมือนการคลิกเมาส์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน เส้นผ่านศูนย์กลางยาว 380 มิลลิเมตร สั้นกว่าเดิมถึง 10 มิลลิเมตร ให้ประสิทธิภาพในการควบคุมที่ดียิ่งขึ้นพร้อมเติมอารมณ์สปอร์ต นอกจากนี้แผงหน้าปัดที่มาพร้อมจอข้อมูลเรืองแสงออพติตรอนขนาดใหญ่ และจอแสดงผลแบบ Thin Film Transistor Multi-information ขนาด 5.8 นิ้ว เป็นจอแสดงข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดารถยนต์เลกซัสทั้งหมด
เพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยสุดยอดเครื่องเสียงรอบทิศทางจาก Mark Levinson และระบบ Rear Seat Entertainment System ระบบบันเทิงเต็มรูปแบบหนึ่งเดียวที่มาพร้อม Blu-ray player พร้อมการออกแบบภายในที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ภายใต้แนวคิด Human-Centered Engineering ที่สามารถตอบสนองต่อการใช้งานของมนุษย์ได้มากที่สุด
ปิดท้ายด้วยระบบความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการรวมไดนามิกของตัวรถ VDIM (Vehicle Dynamics Integrated Management) ที่ผสานการทำงานของระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะทำการควบคุมการทำงานของระบบกันสะเทือนแบบแปรผัน (Adaptive Variable Suspension) ระบบพวงมาลัยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (Electronic Power Steering) และอัตราทดเฟืองพวงมาลัยแบบแปรผัน (Variable Gear Ratio Steering) ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มสมรรถนะการควบคุมการทรงตัวของรถยนต์ทั้งในขณะขับขี่และเบรค รวมทั้งลดการเกิดอาการล้อหมุนฟรี ช่วยให้ทุกการเคลื่อนไหวของรถยนต์เป็นไปได้อย่างมั่นคงและปลอดภัยสูงสุด
ระบบ Passive Safety ที่ให้การปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS แบบคู่ (twin-chamber) สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมเสริมความปลอดภัยบริเวณหัวเข่าสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านข้างทั้งบริเวณที่นั่งตอนหน้าและหลัง และม่านถุงลมเสริมความปลอดภัยซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ราคา Lexus LS ใหม่
สำหรับเลกซัส LS ใหม่ ได้รับการปรับปรุงในรายละเอียดมากกว่า 3,000 จุด โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดุดัน มีสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น แต่ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเลกซัสคือ ความเงียบและความประณีต ด้วยLS600h ยนตรกรรมไฮบริด และLS460 ,LS460L รุ่นฐานล้อยาวที่หรูหรา และครั้งแรกกับรุ่น F-Sport ที่ให้อารมณ์สปอร์ตทั้งรูปลักษณ์พร้อมสมรรถนะ
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก เลกซัสLS ใหม่โดดเด่นด้วยการนำหลอดไฟ LED มาใช้ในทุกจุด รวมถึงไฟตัดหมอกทรงแนวตั้งที่มาพร้อมเลนส์ PES (โพลิเอสเตอร์) ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดของโลก ระบบไฟหน้าที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่ในเวลากลางวัน รูปทรงตัวแอล (Daytime Running Lights) สะท้อนให้เห็นรูปแบบที่นำสมัย พร้อมกระจังหน้าแบบใหม่ “Spindle Grille”
ด้านประสิทธิภาพการขับขี่ ในรุ่น LS600hL ไฮบริด นำเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง ที่ให้กำลัง 445 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนแบบ Full-time AWD ให้ความมั่นใจในทุกสภาพการขับขี่
ขณะที่รุ่น LS460 มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.6 ลิตร พร้อมระบบปรับวาล์วแปรผัน Dual VVT-iE ให้กำลังสูงสุด 380 แรงม้า ส่งกำลังขับเคลื่อนล้อหลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด โดยผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ5 (EURO 5)
ในเวอร์ชั่น F SPORT ถือเป็นการนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของยานยนต์หรู ที่ให้อารมณ์การขับขี่แบบบสปอร์ต ผสมผสานรูปแบบภายนอกที่ดุดัน กับภายในโฉบเฉี่ยวเร้าใจ พร้อมปรับความสูงของระบบช่วงล่างลง 10 มม. ดิสค์เบรคคู่หน้า Brembo แบบ 6 พอร์ต และแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย (Paddle Shift) ทั้งยังเสริมประสิทธิภาพด้วยเฟืองท้ายหลังแบบ Torsen Limited Slip
อย่างไรก็ตามด้วยเทคนิคการเชื่อมตัวถังแบบใหม่ ทำให้โครงสร้างของเลกซัส LS ใหม่มีความแข็งแรง มั่นคงและยืดหยุ่น ให้ความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับการโช๊คอัพแบบแปรผันค่าความหนืด (Frequency Adaptive Damping) ระบบรองรับการสั่นสะเทือนแบบถุงลม (Adaptive Variable Suspension) ทำให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนดียิ่งขึ้น
ด้านระบบพวงมาลัยได้รับการปรับปรุงให้มีความแม่นยำ และระบบเบรคที่ตอบสนองการเบรคในสถานะการณ์ฉุกเฉินได้รวดเร็วมากขึ้น รวมถึงโหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ คือ ECO, COMFORT, NORMAL, SPORTS และ SPORT S+
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกกับ Lexus Climate Concierge หรือ ระบบปรับอุณหภูมิอัจฉริยะแบบ Multi-Zone ที่ใช้เซ็นเซอร์กว่า 13 ตัว เพื่อวัดสภาพอากาศภายในห้องโดยสาร และกระจายความเย็นหรือความร้อนอย่างสม่ำเสมอทั่วห้องโดยสารตามความต้องการของผู้โดยสารแต่ละคน รวมทั้งปรับอุณหภูมิบริเวณเบาะนั่งและพวงมาลัยโดยอัตโนมัติ
ขณะเดียวกันระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารของเลกซัสLS ยังทำงานผสานกับ นาโน-อี(Nano-e) เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ด้วยคุณสมบัติพิเศษ โดยการปล่อยประจุลบของน้ำออกมา เพื่อดักจับ และทำลาย เชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย ภายในห้องโดยสาร ช่วยขจัดกลิ่นอับชื้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ ทำให้อากาศภายในห้องโดยสารสะอาด
ภายในโดดเด่น ด้วย Advanced Illumination System (AIS) สะท้อนความหรูหราภายในด้วย Welcome Light LED สี Champagne White บริเวณคอนโซลหน้า ที่จะเรืองแสงต้อนรับเมื่อเข้าใกล้ตัวรถ พร้อมแผงหน้าปัดที่ง่ายต่อการควบคุมและการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ด้วยการแบ่งโซนอย่างเด่นชัด ทั้งโซนแสดงผล (Display Zone) ซึ่งประกอบไปด้วย LCD Multi-display ขนาดใหญ่ที่สุด 12.3 นิ้ว และโซนควบคุม (Operation Zone) ที่สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย ด้วย Remote Touch Interface (RTI) เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่สามารถควบคุมระบบการทำงานต่างๆ ในรถยนต์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เสมือนการคลิกเมาส์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน เส้นผ่านศูนย์กลางยาว 380 มิลลิเมตร สั้นกว่าเดิมถึง 10 มิลลิเมตร ให้ประสิทธิภาพในการควบคุมที่ดียิ่งขึ้นพร้อมเติมอารมณ์สปอร์ต นอกจากนี้แผงหน้าปัดที่มาพร้อมจอข้อมูลเรืองแสงออพติตรอนขนาดใหญ่ และจอแสดงผลแบบ Thin Film Transistor Multi-information ขนาด 5.8 นิ้ว เป็นจอแสดงข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดารถยนต์เลกซัสทั้งหมด
เพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยสุดยอดเครื่องเสียงรอบทิศทางจาก Mark Levinson และระบบ Rear Seat Entertainment System ระบบบันเทิงเต็มรูปแบบหนึ่งเดียวที่มาพร้อม Blu-ray player พร้อมการออกแบบภายในที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ภายใต้แนวคิด Human-Centered Engineering ที่สามารถตอบสนองต่อการใช้งานของมนุษย์ได้มากที่สุด
ปิดท้ายด้วยระบบความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการรวมไดนามิกของตัวรถ VDIM (Vehicle Dynamics Integrated Management) ที่ผสานการทำงานของระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะทำการควบคุมการทำงานของระบบกันสะเทือนแบบแปรผัน (Adaptive Variable Suspension) ระบบพวงมาลัยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (Electronic Power Steering) และอัตราทดเฟืองพวงมาลัยแบบแปรผัน (Variable Gear Ratio Steering) ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มสมรรถนะการควบคุมการทรงตัวของรถยนต์ทั้งในขณะขับขี่และเบรค รวมทั้งลดการเกิดอาการล้อหมุนฟรี ช่วยให้ทุกการเคลื่อนไหวของรถยนต์เป็นไปได้อย่างมั่นคงและปลอดภัยสูงสุด
ระบบ Passive Safety ที่ให้การปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS แบบคู่ (twin-chamber) สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมเสริมความปลอดภัยบริเวณหัวเข่าสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านข้างทั้งบริเวณที่นั่งตอนหน้าและหลัง และม่านถุงลมเสริมความปลอดภัยซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ราคา Lexus LS ใหม่
รุ่น | ราคา(บาท) |
LS460 | 9,850,000 |
LS460 F-Sport | 9,990,000 |
LS460L(5ที่นั่ง) | 11,680,000 |
LS460L(4ที่นั่ง) | 11,780,000 |
LS600hL | 13,580,000 |