ข่าวในประเทศ-ผู้ประกอบการติดตั้งอุปกรณ์ใช้ก๊าซสำหรับยานยนต์ทั่วประเทศ ร่วมประชุมแผนปรับตัวเตรียมรับผลกระทบการประกาศลอยตัวก๊าซแอลพีจี (LPG) โดยถามหาความชัดเจนจากรัฐบาลว่าจะปรับขึ้นราคาก๊าซเมื่อไหร่และราคาเท่าใด เพื่อจะได้ปรับแผนธุรกิจไปสู่การติดตั้งก๊าซเอ็นจีวี (NGV) ให้มากขึ้น
แม่สาย ประภาสะวัต นายกสมาคมผู้ติดตั้งอุปกรณ์ใช้ก๊าซสำหรับยานยนต์ เปิดเผยผลการประชุมผู้ประกอบการฯ กว่า 200 ราย ทั่วประเทศ เพื่อหาทางแก้ไขผลกระทบอันเนื่องมาจากการที่รัฐบาลส่งสัญญาณถึงการประกาศลอยตัวก๊าซแอลพีจีในเร็วๆ นี้ โดยทางสมาคมฯ พร้อมปรับตัวตามนโยบายดังกล่าว แต่ต้องรอความชัดเจนจากทางรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง
“เนื่องด้วยรัฐบาลได้ส่งสัญญาณถึงการประกาศลอยตัวก๊าซแอลพีจี ทำให้ผู้ประกอบการที่ติดตั้งอุปกรณ์ใช้ก๊าซสำหรับยานยนต์ ที่เป็นสมาชิกในสมาคมฯ 500 ผู้ประกอบการ จำนวน 1,000 อู่ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554 เป็นต้นมา ยอดติดติดตั้งตกลงถึง 20% และมีแนวโน้มจะปรับลดลงไปอีกถึงปลายปี 2554 ประมาณ 50%” แม่สาย ประภาสะวัต กล่าว
สำหรับผลสรุปในการประชุมสมาคมฯ ได้เตรียมแนวทางแก้ไข 5 ข้อ คือ 1.พัฒนาอู่ติดตั้งให้ได้มาตรฐาน โดยทางสมาคมจะมีใบรับรองด้านเทคนิคการติดตั้งให้ นอกเหนือจากทางกรมขนส่งออกใบรับรองด้านความปลอดภัยของอุปกรณ์ให้ เพื่อสร้างความแตกต่าง เล็งเป้าหมายสิ้นปี 2554 นี้ 2. พัฒนาอุปกรณ์ให้แตกต่างจากท้องตลาด 3. พัฒนาบุคลากรติดตั้งอุปกรณ์ เพื่อสร้างมาตรฐานด้านการดูแลลูกค้าที่มาใช้บริการ 4.ให้ผู้ประกอบการปรับตัวเกี่ยวกับการติดตั้งเอ็นจีวีมากขึ้น เพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาลในอนาคต และ 5. รวมตัวผู้ประกอบการให้เหนียวแน่นเพื่อความแข็งแกร่ง เพื่อช่วยเหลือกันในโอกาสต่างๆ
“การติดตั้งเอ็นจีวี ต้นทุนในการผลิตจะไม่เพิ่มขึ้น เพราะใช้ขั้นตอนในการติดตั้งเหมือนเดิมกับอุปกรณ์ติดตั้งแอลพีจี แต่เปลี่ยนแค่อุปกรณ์นิดหน่อย เช่น ใช้ถังเอ็นจีวีแทนถังแอลพีจี หรือเปลี่ยนหัวเติม เป็นต้น เพราะขั้นตอนการติดตั้งไม่แตกต่างกัน ถ้ามองในแง่ดีราคาในการให้บริการติดตั้งเอ็นจีวีจะสูงกว่าการติดตั้งก๊าซแอลพีจีประมาณ 1 หมื่นบาท ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการรู้สึกดี และไม่กังวลเรื่องนโยบายที่รัฐบาลจะประกาศออกมา”
อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมผู้ติดตั้งอุปกรณ์ใช้ก๊าซสำหรับยานยนต์และผู้ประกอบการพร้อมสนองนโยบายของรัฐบาล เพียงแต่ต้องการความชัดเจนว่าจะปรับขึ้นราคาก๊าซเมื่อไหร่และราคาเท่าใด เพื่อจะได้เตรียมพร้อมปรับตัวรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
แม่สาย ประภาสะวัต นายกสมาคมผู้ติดตั้งอุปกรณ์ใช้ก๊าซสำหรับยานยนต์ เปิดเผยผลการประชุมผู้ประกอบการฯ กว่า 200 ราย ทั่วประเทศ เพื่อหาทางแก้ไขผลกระทบอันเนื่องมาจากการที่รัฐบาลส่งสัญญาณถึงการประกาศลอยตัวก๊าซแอลพีจีในเร็วๆ นี้ โดยทางสมาคมฯ พร้อมปรับตัวตามนโยบายดังกล่าว แต่ต้องรอความชัดเจนจากทางรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง
“เนื่องด้วยรัฐบาลได้ส่งสัญญาณถึงการประกาศลอยตัวก๊าซแอลพีจี ทำให้ผู้ประกอบการที่ติดตั้งอุปกรณ์ใช้ก๊าซสำหรับยานยนต์ ที่เป็นสมาชิกในสมาคมฯ 500 ผู้ประกอบการ จำนวน 1,000 อู่ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554 เป็นต้นมา ยอดติดติดตั้งตกลงถึง 20% และมีแนวโน้มจะปรับลดลงไปอีกถึงปลายปี 2554 ประมาณ 50%” แม่สาย ประภาสะวัต กล่าว
สำหรับผลสรุปในการประชุมสมาคมฯ ได้เตรียมแนวทางแก้ไข 5 ข้อ คือ 1.พัฒนาอู่ติดตั้งให้ได้มาตรฐาน โดยทางสมาคมจะมีใบรับรองด้านเทคนิคการติดตั้งให้ นอกเหนือจากทางกรมขนส่งออกใบรับรองด้านความปลอดภัยของอุปกรณ์ให้ เพื่อสร้างความแตกต่าง เล็งเป้าหมายสิ้นปี 2554 นี้ 2. พัฒนาอุปกรณ์ให้แตกต่างจากท้องตลาด 3. พัฒนาบุคลากรติดตั้งอุปกรณ์ เพื่อสร้างมาตรฐานด้านการดูแลลูกค้าที่มาใช้บริการ 4.ให้ผู้ประกอบการปรับตัวเกี่ยวกับการติดตั้งเอ็นจีวีมากขึ้น เพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาลในอนาคต และ 5. รวมตัวผู้ประกอบการให้เหนียวแน่นเพื่อความแข็งแกร่ง เพื่อช่วยเหลือกันในโอกาสต่างๆ
“การติดตั้งเอ็นจีวี ต้นทุนในการผลิตจะไม่เพิ่มขึ้น เพราะใช้ขั้นตอนในการติดตั้งเหมือนเดิมกับอุปกรณ์ติดตั้งแอลพีจี แต่เปลี่ยนแค่อุปกรณ์นิดหน่อย เช่น ใช้ถังเอ็นจีวีแทนถังแอลพีจี หรือเปลี่ยนหัวเติม เป็นต้น เพราะขั้นตอนการติดตั้งไม่แตกต่างกัน ถ้ามองในแง่ดีราคาในการให้บริการติดตั้งเอ็นจีวีจะสูงกว่าการติดตั้งก๊าซแอลพีจีประมาณ 1 หมื่นบาท ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการรู้สึกดี และไม่กังวลเรื่องนโยบายที่รัฐบาลจะประกาศออกมา”
อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมผู้ติดตั้งอุปกรณ์ใช้ก๊าซสำหรับยานยนต์และผู้ประกอบการพร้อมสนองนโยบายของรัฐบาล เพียงแต่ต้องการความชัดเจนว่าจะปรับขึ้นราคาก๊าซเมื่อไหร่และราคาเท่าใด เพื่อจะได้เตรียมพร้อมปรับตัวรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น