ส.ว.ปราจีนฯ จี้รัฐเอาให้ชัดกำหนดราคาพลังงาน ส.ว.กทม.ชี้ลอยตัวก๊าซอ้างตลาดโลกไม่ได้ แนะใช้ราคาอ่าวไทย จี้ทบทวนเหตุส่อเอื้อกลุ่มปิโตรเลียม
วันนี้ (5 ก.ย.) ที่รัฐสภา การประชุมวุฒิสภา โดยมี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมประธานได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ โดยนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี กล่าวว่า กรณีการรัฐบาลมีนโยบายกำหนดราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุนจริงและชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ตนเห็นว่าการปรับโครงสร้างราคาพลังงานเป็นเรื่องที่ดี แต่นโยบายดังกล่าวทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน จึงควรให้ความชัดเจนในการกำหนดราคาโดยรัฐบาลควรส่งสัญญาณที่ชัดเจนเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบเพื่อเตรียมตัวล่วงหน้า ส่วนกรณีการจะมีบัตรเครดิตพลังงานควรมีความชัดเจนถึงมาตรการดังกล่าวโดยเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับบัตรดังกล่าวและวิธีการนำไปใช้จะเป็นอย่างไร
ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.กล่าวว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ประกาศจะลอยตัวราคาก๊าซแอลพีจีทั้งระบบ คือ ทั้งผู้ใช้ระดับครัวเรือน และกลุ่มยานยนต์ และจะให้คูปองส่วนลดราคากับผู้มีรายได้น้อย ตนเห็นว่าแนวทางดังกล่าวกำลังจะเอากลุ่มครัวเรือนและยานยนต์เป็นผู้ร้าย เพราะหาย้อนดูตัวเลขการใช้ก๊าซแอลพีจีปี 2551-2553 ปรากฏว่าภาคครัวเรือนใช้ก๊าซแอลพีจีเพิ่มขี้น 3 แสนตัน กลุ่มยานยนต์มีการใช้ 6.8 แสนตัน ภาคที่มีการใช้ก๊าซมาที่สุดคือภาคปิโตรเคมีมีการใช้งานถึง 2 ล้านตัน ดังนั้น การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อเอามาชดเชยราคาพลังงานจึงเป็นการเก็บเงินมาทดชดเชยในกลุ่มปิโตรเคมีเป็นหลัก
น.ส.รสนากล่าวอีกว่า ส่วนข้ออ้างว่าการลอยตัวราคาก๊าซเพื่อเป็นการสะท้อนต้นทุน ตนเห็นว่าการสะท้อนต้นทุนไม่ควรพิจารณาจากราคาตลาดโลก แต่ควรใช้ราคาก๊าซในอ่าวไทยซึ่งมีราคาต่ำกว่าราคาตลาดโลกร้อยละ 40 ดังนั้น ราคาก๊าซควรจะถูกลง ไม่เช่นนั้นนโยบายลอยตัวราคาก๊าซจะกลายเป็นการทำกำไรให้บริษัทเอกชนที่ประกอบธุรกิจปิโตรเลียม การให้คูปองลดราคายังเป็นการยุ่งยากในการปฏิบัติ การดำเนินนโยบายเช่นนี้จึงไม่เหมาะสมจึงขอให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนเรื่องนี้
