หลังจากค่ายใบพัดสีฟ้าบีเอ็มดับเบิลยูปล่อยไอ้ตัวเล็ก “X1” สู่ตลาดเมื่อต้นปี ได้รับการตอบรับลูกค้าเป็นอย่างดี เพื่อตอบสนองครบทุกความต้องการ ในไลน์ผลิตภัณฑ์รถอเนกประสงค์แบบเอสยูวี(SUV) ระดับหรู หรือที่บีเอ็มดับเบิลยูให้นิยามใหม่ว่า SAV (Sports Activity Vehicle) จึงได้ส่งโฉมใหม่ของ “X3” สู่ตลาด เพื่อท้าชนกับคู่แข่ง “RX270” จากเลกซัสที่ชิงกวาดยอดขายไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย นับว่าให้ความสำคัญกับตลาดรถอเนกประสงค์มากทีเดียว เพราะถึงกับขึ้นไลน์ผลิตรุ่น X1 และแน่นอน X3 ย่อมเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ขณะนี้จึงได้ขึ้นไลน์ประกอบที่โรงงานในจังหวัดระยอง คาดว่าจะออกจากไลน์ผลิตสู่ตลาดได้ในช่วงไตรมาสสามของปีนี้
ดังนั้นเพื่อปูกระแสและยืนยันสมรรถนะที่บอกว่า “แจ่มกว่าเดิม” บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย จึงยกขบวนสื่อมวลชน และตัวแทนจำหน่ายไปลองขับ “X3 xDrive20d” หรือรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งจะเป็นตัวธงของรถอเนกประสงค์รุ่นนี้ ด้วยการบินลัดฟ้าไปพิสูจน์สมรรถนะ ทั้งเส้นทางเรียบตรง ทางภูเขาคดคดโค้งเป็นงูกินหาง และได้ลองขับเบาๆ ในสไตล์ออฟโรด ณ ไร่ชาวังพุดตานบนดอยแม่สลอง ให้สมกับคอนเซ็ปต์ของรถ “JOY WANTS YOU TO HAVE IT ALL”
พอเดินออกจากอาคารสนามบิน ทีมสื่อมวลชนก็พบกับ X3 xDrive20d จอดเรียงกัน 7 คันไว้รอต้อนรับอยู่แล้ว ซึ่งเพียงแค่พบหน้ารู้สึกได้ทันทีว่า โฉมใหม่ของ X3 นี่มันถูกถ่ายทอดมาจากตัวพี่ X5 มาอย่างมาก และดูเหมือนจะย่อส่วนลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับรุ่นเดิมรู้สึกใหญ่กว่าชัดเจน และก็เป็นเช่นนั้นจริง เพราะมีขนาดตัวถังเพิ่มทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความยาว กว้าง สูง และฐานล้อ หรือห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ แต่เห็นใหญ่ขึ้นอย่างนี้น้ำหนักรถลดลงจากรุ่นเดิม 15 กิโลกรัม
จุดประสงค์ของการขยายตัวถังให้ใหญ่ขึ้น เพื่อปรับบุคลิกเดิมๆ ของรุ่นก่อนหรือมีรหัสเรียกว่า E83 จากจะเน้นความเป็นสปอร์ตมาสู่ความหรูหรามากขึ้นในโฉมใหม่ ภายใต้ชื่อรหัส F25 เหตุนี้ห้องโดยสารของ X3 จึงมีขนาดกว้างขวาง ไม่จะเป็นด้านหน้า หรือด้านหลัง ซึ่งรู้สึกได้ทันทีเมื่อเข้าไปนั่งภายในระหว่างรอการเดินทางได้มีโอกาสเดินสำรวจดูรอบคัน แม้จะเป็นการปรับโฉมใหม่ แต่บีเอ็มดับเบิลยูยังคงเอกลักษ์ของตนเอง กระจังหน้าแนวตั้งพร้อมสัญลักษณ์ ‘ไตคู่’ ขนาดใหญ่ แต่กลับดูไหล่ลื่นไปกับลายเส้นต่างๆ ที่คมคายชัดเจนเป็น 3 มิติ ไม่ว่าจะฝากระโปรง กันชนหน้า ด้านข้าง และด้านหลังที่ติดตั้งไฟท้าย LED ทำให้รู้สึกปราดเปรียวสปอร์ตเช่นกัน ถึงโฉมใหม่ของ X3 จะถูกออกแบบเน้นความหรูหราบึกบึนขึ้นก็ตาม
การออกแบบรูปทรงของแดชบอร์ด เน้นเส้นสายที่เรียบง่าย ประณีต โดดเด่นด้วยพื้นผิวที่ให้แสงเงาในมุมมองสามมิติ พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานจัดวางตำแหน่งของอุปกรณ์แสดงผล และปุ่มบังคับควบคุมต่างๆ ถูกวางไว้อย่างเหมาะสมใช้งานง่ายสะดวกมือ และจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 8.8 นิ้ว ว่ากันว่าใหญ่สุดในเซกเม้นท์ มาพร้อมกับระบบนำทาง โดยคอนโซลกลางและแดชบอร์ดเอียงทำมุมเข้าผู้ขับ ให้ความรู้สึกเฉกเช่นรถสปอร์ต อีกทั้งยังเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูด้วย
เมื่อสัญญาณพร้อมออกเดินทาง “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” รับหน้าที่ขับมือแรก เหยียบเบรกกดปุ่ม Auto Start/Stop ที่อยู่บนแผงคอนโซน ตรงหลังพวงมาลัยด้านซ้ายมือ เครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยีระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผัน เริ่มทำงานอย่างนุ่มนวล ด้วยกำลัง 184 แรงม้า และแรงบิด 380 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,750 รอบต่อนาที ซึ่งมากกว่ารุ่นเดิมซะอีก
หลังจากล้อหมุนออกเดินทาง ขุมกำลังถูกขับเคลื่อนผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ซึ่งเป็นอีกจุดที่แตกต่างจากรุ่นเดิมที่เป็นแบบ 6 สปีด ได้แสดงสมรรถนะให้เห็น การทำงานของเกียร์ไหลลื่นนุ่มนวล และอัตราทดเกียร์ที่สั้น ทำให้การออกตัว เร่งแซง และในย่านความเร็วสูงไหลลื่นทีเดียว โดยเฉพาะบนถนนหลวงมุ่งสู่ดอยแม่สลอง
เมื่อบวกกับขุมพลังและแรงบิดที่มากขึ้น X3 จึงพุ่งทะยานตามใจต้องการ อัตราเร่งตอบสนองได้ดี เพียงแค่กดคันเร่งเบา ๆ ก็ทะยานไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูกล่าวอ้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำเวลาภายใน 8.5 วินาที และจากความรู้สึกน่าจะเป็นเช่นกัน ขณะที่ความเร็วต่ำก็ตอบสนองทันใจ แม้ในจังหวะเร่งแซงกระชั้นชิด น้ำหนักเบรกกำลังดี แต่พวงมาลัยไฟฟ้าของ X3 ใหม่ ค่อนข้างจะเบาไปหน่อย ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจเท่าไหร่ ทั้งที่การบังคับค่อนข้างคมทีเดียว อาจจะเป็นเพราะบีเอ็มดับเบิลยูปรับบุคลิกโฉมใหม่ เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่เข้าไป ทำให้ผู้หญิงอาจจะรู้สึกชอบมากขึ้นก็ได้
ช่วงขึ้นภูเขาสู่ดอยแม่สลอง เส้นทางคดโค้งไปมาเหมือนงูเลื้อย ขุมพลังและแรงบิดมหาศาลแสดงสมรรถนะได้สมราคาคุย แต่ยังไงความเป็นรถทรงสูง แม้ X3 ใหม่ การกระจายน้ำหนักอย่างสมดุลหน้า-หลัง 50:50 และยังมีระบบช่วงล่างอันทันสมัย ที่ใช้ระบบปีกนกแบบ Double-joint สำหรับด้านหน้า และระบบมัลติลิงค์ 5 จุด สำหรับด้านหลัง แต่ในโหมดมาตรฐานทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งเน้นความนุ่มนวลของการขับขี่ และพวงมาลัยที่เบา จึงทำให้รู้สึกไม่มั่นใจเท่าไหร่ ในการเข้าโค้งแรงหน่อย หรือไหลอย่างต่อเนื่อง
แต่บีเอ็มดับเบิลยูรู้ในจุดนี้อยู่แล้ว และต้องการรักษาอารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ตไว้ครบครัน จึงมีโหมดสปอร์ต(Sport) ที่จะปรับช่วงล่างให้สปอร์ตขึ้น คันเร่งตอบสนองรวดเร็วกว่า และสามารถเลือกให้จังหวะเปลี่ยนเกียร์ที่รอบเครื่องยนต์สูงขึ้น พวงมาลัยคมขึ้น และยังมีโหมดสปอร์ตพลัส(Sport+) ช่วงล่างแบบสปอร์ตสุดๆ เข้าโหมด DTC สามารถดริฟท์ไดเล็กน้อย ก่อนระบบจะเขาโหมดควบคมเสถียรภาพ โดยจะมีปุ่มกดง่ายๆ ข้างคันเกียร์ด้านขวา หรือติดกับเบาะนั่งผู้ขับ
ดังนั้นเมื่อขึ้นเขาทางคดเคี้ยว จึงเปลี่ยนมาใช้โหมดสปอร์ต รู้สึกได้ทันทีกับพวงมาลัยที่หน่วงขึ้นชัดเจน ทำให้การขับขี่มั่นใจยิ่งขึ้น และเมื่อบวกกับแรงบิด 380 นิวตัน-เมตร จึงไม่หวั่นที่ควบเจ้า X3 xDrive20d ลัดเลาะภูสูงสู่ดอยแม่สลอง
บนดอยแม่สลองถือเป็นแหล่งปลูกชาขึ้นชื่อของไทย ไร่ชากว้างผืนใหญ่กระจายเต็มขุนเขาไปหมด โอกาสนี้บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย จึงได้ให้ลองขับบนเส้นทางออฟโรดเบาๆ ในไร่ชาวังดุดตาล เพื่อทดสอบระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ xDrive ที่สามารถแปรผันกำลังขับเคลื่อนไปสู่ล้อทั้งสี่ อีกทั้งยังมีออปชั่นระบบ DDC (Dynamic Damper Control) ที่ทำหน้าที่ปรับความนุ่ม-แข็งของระบบช่วงล่าง พร้อมกับระบบ Performance Control ที่ทำงานด้วยระบบ Torque Vectoring เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายแรงขับเคลื่อนสำหรับล้อคู่หลัง โดยระบบนี้จะทำงานสัมพันธ์กับระบบ xDrive ทำให้สามารถถ่ายทอดกำลังขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพสูงสุดในทุกรูปแบบของพื้นผิวถนน
จุดเด่นอีกอย่างของ X3 ใหม่ เห็นจะเป็นระบบ HDC(Hill Descent Control) ควบคุมความเร็วลงเขา-ทางลาดชัน ที่เพียงแค่กดปุ่มข้างคันเกียร์เยื้องมาด้านหลังเท่านั้น ระบบจะทำงานอัตโนมัติควบคุมความเร็วรถให้เหมาะสม โดยไม่ต้องเหยียบเบรก และหากช้าไปก็เพียงกดคันเร่ง หรือท่านขี้เกียจใช้เท้า จะดันปุ่มเพิ่ม/ลดความเร็วบนพวงมาลัยแทนก็ได้สบายๆ
ในการลองขับครั้งนี้ไม่ได้เน้นเรื่องการประหยัดน้ำมัน แต่ดูจากมาตรวัดลดลงไปไม่ถึงสองขีด นับจากตอนเริ่มสตาร์ท ซึ่งรวมระยะทางกว่า 140 กิโลเมตร แต่ทางบีเอ็มดับดับเบิลยูระบุว่า X3 xDrive20d มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 17.9 กม./ลิตร และคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์(Co2) เพียง 147 แต่ในสภาพเส้นทางเช่นนี้คงไม่ถึงขนาดนั้นแน่นอน
บทสรุปของ “บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d” คงต้องบอกว่า... เหนือกว่ารุ่นเดิมมาก ไม่ว่าจะสมรรถนะการขับขี่ หรืออุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆ ที่ให้มา แถมยังตอบสนองทุกความต้องการของผู้ขับขี่ได้อีก ขณะที่ราคาเครื่องดีเซลและเบนซินยังยืนใกล้เคียงเดิม ระดับ 3.3-3.9 ล้านบาท