โปรเจกต์ต่อเนื่องจากต้นแบบที่ทยอยเปิดตัวนับตั้งแต่ต้นปี 2010 อย่าง SR1, BB1, EX1 และ HR1 คราวนี้เป็นผลผลิตที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความอเนกประสงค์ไซส์ใหญ่ที่เพียบพร้อมด้วยความหรูหรา บนตัวถังของรถยนต์ในสไตล์ครอสส์โอเวอร์ โดยเปอโยต์จัดการปรับปรุงและพัฒนาแนวคิดในการยกระดับรถยนต์กลุ่มครอบครัว หรือ D-Segment ด้วยทางเลือกใหม่แห่งการขับเคลื่อน กับต้นแบบ SXC Concept ซึ่งถูกผสมผสานความโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว หรูรา และความอเนกประสงค์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว
ยนตรกรรมโฉมนี้เป็นงานออกแบบที่ทางสตูดิโอของเปอโยต์ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยอิงกลิ่นอายของงานดีไซน์ยุคใหม่ที่เปอโยต์ทยอยออกนำเสนอผ่านทางตัวถังสุดสปอร์ตในแบบสปอร์ตเปิดประทุนหลังคาแข็งพับได้ของรุ่น SR1 ตามด้วยซิตี้คาร์รุ่น BB1 โรดสเตอร์อย่างรุ่น EX1 และ HR1 ยานยนต์สันทนาการสำหรับคนเมือง
สำหรับชื่อรุ่น SXC เป็นตัวย่อมาจากคำว่า Shanghai Cross Concept โดยคำว่า Cross แทนที่ด้วยตัว X เพื่อแสดงให้เห็นถึงนิยามและรูปแบบของตัวรถที่มาในแบบครอสส์โอเวอร์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วยตัวถังสไตล์เอสยูวี และสมรรถนะการขับขี่ไม่ต่างจากรถเก๋ง ซึ่งสอดคล้องกับตัวรถ SXC ซึ่งนำเสนอรูปแบบใหม่ของยานยนต์สำหรับผู้บริหาร ที่เพียบพร้อมด้วยประโยชน์ใช้สอย ความหรูหรา และสมรรถนะในการขับเคลื่อน
จุดเด่นของตัวรถคือ การนำเสนอเอกลักษณ์ใหม่ของการออกแบบ ซึ่งถือเป็น Design Language แบบใหม่ของเปอโยต์ ที่ถูกนำมาใช้แล้วกับรถยนต์ในสายการผลิตอย่างรุ่น 508 โดยบนตัวถังแบบครอสส์โอเวอร์ 5 ประตูที่มีความยาว 4,870 มิลลิเมตร กว้าง 2,035 มิลลิเมตร สูง 1,610 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อที่ยาวถึง 3,000 มิลลิเมตร ทีมออกแบบของเปอโยต์ได้สร้างสรรค์ความลงตัวของดีไซน์ในแบบ 4 ประตู ซึ่งไม่มีเสากลางมาคั่น ช่วยทำให้การเข้าออกจากห้องโดยสารมีความสะดวกสบายและง่ายดาย
สำหรับงานออกแบบของเปอโยต์มาพร้อมกับสิ่งที่เรียกว่า Stylistic Codes ประกอบไปด้วยกระจังหน้าทรงเหลี่ยมเฉียงพร้อมกับซี่แนวนอนที่เรียกว่า Floating Grille ไฟหน้าทรงเหลี่ยมเฉียงขนาดเล็ก แต่ให้ประสิทธิภาพในการส่องสว่าง และกลมกลืนไปกับเส้นสายบนตัวถังด้านหน้า ขณะที่โลโก้สิงห์ผยองของเปอโยต์ ซึ่งแต่เดิมถูกรวมเป็นชุดเดียวกับกระจังหน้า ในรถยนต์ต้นแบบรุ่นนี้ รวมถึงรถยนต์ในสายการผลิตรุ่นใหม่ๆ กระจังหน้าจะถูกย้ายขึ้นไปวางอยู่บนฝากระโปรงหน้าแทน เสริมความสปอร์ตเต็มพิกัดด้วยล้อแม็กขนาด 22 นิ้ว
อีกจุดเด่นของตัวรถคือ การขับเคลื่อนด้วยระบบ Hybrid4 System ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบไฮบริดเพื่อให้สอดคล้องกับรถยนต์อเนกประสงค์สไตล์ครอสส์โอเวอร์ โดยด้านหน้าจะวางเครื่องยนต์สันดาปภายใน และด้านหลังจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยในการขับเคลื่อน หรืออาจจะขับเคลื่อนแบบเดี่ยวๆ เพื่อเปลี่ยนมาเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้าแบบชั่วคราว
ขุมพลังที่วางใน SXC เป็นเบนซินบล็อกเล็ก 4 สูบ 1600 ซีซี THP ที่วางอยู่ในตระกูล GTi ของ 207 และ 308 เช่นเดียวกับมินิ คูเปอร์ของค่ายบีเอ็มดับเบิลยู แต่ในต้นแบบรุ่นนี้มีการเบ่งกล้ามด้วยการปรับบูสต์เทอร์โบ ให้มีกำลังออกมาทั้งสิ้น 218 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 28.5 กก.-ม. โดยมีโหมด Overboost ขยับแรงบิดขึ้นมาอยู่ที่ 30.6 กก.-ม. ได้ชั่วคราว
ส่วนที่เพลาหลังเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งสามารถผลิตกำลังสูงสุดในแบบต่อเนื่องอยู่ที่ 40 กิโลวัตต์ หรือ 54 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดต่อเนื่อง 10.4 กก.-ม. แต่ถ้าเป็นกำลังสูงสุดช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งจะมีตัวเลขอยู่ที่ 95 แรงม้า หรือ 75 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 18.1 กก.-ม. มอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้สามารถขับแบบเดี่ยวๆ ในโหมด EV ได้ หรือจะช่วยในการขับเคลื่อนก็ทำให้ระบบสามารถผลิตกำลังออกมารวมกันสูงสุด 313 แรงม้า
การส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์ 6 จังหวะที่มีรูปแบบการเปลี่ยนเกียร์แบบซีเควนเชียลแมนนวล ถ่ายทอดกำลังได้อย่างฉับไว และลดการสูญเสียกำลัง ซึ่งตรงนี้ดูได้จากอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงในระดับ 17.2 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับการขับในรูปแบบผสม และมีการคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเพียง 143 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร ส่วนในรูปแบบของการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนๆ หรือ ZEV ตัวรถสามารถแล่นทำระยะทางได้ 12.5 กิโลเมตร แต่ไม่ได้บอกว่าสามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้เท่าไร
แม้ดูผ่านๆ อาจจะเป็นแค่ต้นแบบสำหรับจัดแสดง แต่อย่างน้อยระบบ Hybrid4 ของเปอโยต์ก็เป็นสิ่งที่สามารถสัมผัสได้ เพราะจะถูกนำมาใช้กับรถยนต์ในสายการผลิต ส่วนรูปทรงแบบครอสส์โอเวอร์อย่าง SXC จะมีขายหรือไม่นั้น คำตอบคือ ยังไม่มีการระบุออกมาอย่างชัดเจนในตอนนี้