หลังอวดโฉมยั่วน้ำลายอยู่พักใหญ่ ด้วยตัวต้นแบบทั้งซีดาน และคูเป้ ในที่สุดฮอนด้าก็เผยโฉมรูปลักษณ์ที่ใช้ในการทำตลาดจริงของ “ซีวิค ใหม่” ซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 9 ออกมาแล้ว ซึ่งพร้อมลุยตลาดสหรัฐอเมริกาในเดือนมีนาคมนี้ ทั้งตัวถังซีดาน และคูเป้ ด้วยการชูจุดเด่นเรื่องความประหยัดน้ำมันกับการเพิ่มรหัสใหม่อย่าง HF ออกสู่ตลาด
ตรงนี้สร้างความฮือฮาและเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี เพราะว่าซีวิคเป็นรถยนต์ที่อยู่ในกระแสความสนใจของคนทั่วไป ซึ่งก็รวมถึงนักขับชาวไทย แต่ที่ชวนให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นคือ ข่าว (ลือ) ในอินเทอร์เน็ตที่ว่า ฮอนด้ากำลังจะยุติบทบาทของซีวิคญี่ปุ่น และทำให้ซีวิคที่เห็นอยู่นี้ถูกวางตัวให้กลายเป็นมาตรฐานสำหรับขายทั่วโลก (หรือเปล่า?)
ก่อนอื่นทำความเข้าใจกันสักหน่อยว่า ในเจเนอเรชันที่แล้ว ซึ่งเป็นรุ่นที่ 8 ที่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2005 ฮอนด้าแบ่งซีวิคใหม่ออกเป็น 3 โฉม คือ ยุโรปที่มีตัวถังแฮตช์แบ็กทั้ง 3 และ 5 ประตู, ญี่ปุ่นและตลาดพวงมาลัยขวารวมถึงเมืองไทย และสุดท้าย คือ โฉมอเมริกาเหนือ และตลาดพวงมาลัยซ้าย
เวอร์ชันยุโรปตัดทิ้งไปได้เลยเพราะตามปกติแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับใครทั้งในเชิงของตัวถัง และรสนิยม โดยฮอนด้าจับแยกการพัฒนาออกไปต่างหาก ขณะที่ญี่ปุ่นและอเมริกาเหนือ ความจริงแล้วคือ คันเดียวกันแต่ฮอนด้าสร้างความแตกต่างในเชิงสายตา ด้วยการเปลี่ยนไฟหน้า-หลัง และกันชนหน้า-หลังใหม่ ขณะที่ตัวถังช่วงกลาง และรายละเอียดหลักๆ ในห้องโดยสารใช้ร่วมกัน
จะเห็นได้ว่าซีวิค ญี่ปุ่น และอเมริกาเหนือเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด ส่วนตลาดไทย ฮอนด้าเลือกใช้รูปลักษณ์ของญี่ปุ่นในการทำตลาด และเมื่อมาถึงรุ่นนี้ ปัญหาก็คือมีข่าวว่าฮอนด้ากำลังจะยุติบทบาทของซีวิคในญี่ปุ่น แล้วตลาดไทยรวมถึงตลาดแห่งอื่นที่ใช้ซีวิครูปโฉมเดียวกันจะหันไปใช้รูปลักษณ์ไหนกันแน่
ถ้าข่าว (ลือ) เรื่องฮอนด้าจะเลิกขายซีวิคในญี่ปุ่นเป็นจริงขึ้นมา แล้วฮอนด้าจะกล้าควักเงินลงทุนอีกครั้งเพื่อปรับหน้าตาของซีวิคให้ดูสดใหม่ขึ้นเพื่อรองรับกับตลาดไม่กี่ประเทศที่เคยใช้รูปโฉมมีปริมาณยอดขายไม่ได้สูงมาก หรือว่าจะยอมใช้รูปลักษณ์นี้สำหรับขายทั่วโลกยกเว้นยุโรป...อีกไม่นานก็คงได้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม กลับมาที่ตัวรถกันก่อน สำหรับซีวิคใหม่ เจเนอเรชันที่ 9 ที่เห็นอยู่นี้เป็นเวอร์ชันอเมริกาเหนือ มีขายทั้งตัวถังซีดาน และคูเป้ ด้วยรูปลักษณ์ที่แทบจะถอดแบบมาจากตัวต้นแบบที่เปิดตัวในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2011 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่วนในห้องโดยสาร ยังคงเอกลักษณ์แบบ 2 ชั้นเหมือนกับซีวิค FD แต่ออกแบบชั้นบนให้มีความยาวขึ้นและพื้นที่ตรงส่วนของชุดมาตรวัดและแผงคอนโซลกลางเหมือนกับโอบล้อมเข้าหาผู้ขับ
ประเด็นที่ฮอนด้าชูให้เป็นจุดเด่นสำหรับซีวิคใหม่รุ่นนี้คือ ความประหยัดน้ำมัน ด้วยการต่อท้ายชื่อรุ่นด้วยคำว่า HF ซึ่งน่าจะย่อมาจาก High Fuel economy โดยจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC 1,800 ซีซีในรหัส R18A เหมือนกับรุ่นที่แล้ว แต่มีการปรับปรุงให้ตอบสนองในด้านความประหยัดน้ำมันมากขึ้น โดยทางฮอนด้ายังไม่ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดของการปรับปรุง และก็รวมถึงตัวเลขแรงม้าและแรงบิดที่จะยังอยู่ในระดับ 140 แรงม้า และ 17.6 กก.-ม.
ที่น่าสนใจคือ ตัวเลขค่าความสิ้นเปลืองของรุ่น HF ที่ฮอนด้าประกาศออกมานั้นอยู่ในระดับ 41 ไมล์/แกลลอน หรือ 16.6 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับการขับบนไฮเวย์จากการทดสอบโดยหน่วยงาน EPA หรือ Environment Protection Agency ซึ่งดีกว่ารุ่นที่แล้วร่วมๆ 5 ไมล์/แกลลอน (2 กิโลเมตร/ลิตร) เลยทีเดียว
ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงเฉพาะรุ่นเบนซินธรรมดาเท่านั้น สำหรับรุ่นไฮบริด แม้ว่าจะใช้พื้นฐานเดิมของเครื่องยนต์เบนซิน 1,500 ซีซี i-VTEC จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าในการช่วยขับเคลื่อนภายใต้แนวคิด IMA แต่ทว่าฮอนด้าก็เปลี่ยนการใช้แบตเตอรี่ในตัวรถจากแบบนิเกิลเมทัล ไฮดรายมาเป็นแบบลิเธียม-ไอออน
ในรุ่นไฮบริด ฮอนด้าวางเป้าหมายทำตัวเลขความประหยัดน้ำมันในการทดสอบแบบผสมในเมืองนอกเมืองอยู่ที่ 45 ไมล์/แกลลอน หรือ 18.3 กิโลเมตร/ลิตร หรือดีกว่ารุ่นเดิมถึง 4 ไมล์/แกลลอน หรือ 1.6 กิโลเมตร/ลิตร โดยทั้ง 2 รุ่นจะมีการติดตั้งชุดสเกิร์ตสำหรับแอโรไดนามิกเพื่อเพิ่มความเพรียวลม และเป็นการช่วยลดแรงต้านของอากาศในขณะแล่น ซึ่งจะส่งผลไปยังความประหยัดน้ำมัน
ขณะที่รุ่นธรรมดาหันมาเน้นความประหยัดกันมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่ารหัสแรงอย่าง Si กลับสวนทาง เพราะแทนที่จะใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซีในรหัส K20A เหมือนเดิม ฮอนด้ากลับเปลี่ยนใหม่ หันมาวางเครื่องยนต์ที่มีซีซีเยอะแทน โดยเป็นขุมพลัง 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,400 ซีซี ที่รีดกำลังออกมาได้ในระดับ 200 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 23.5 กก.-ม. ซึ่งเครื่องยนต์ที่ซีซีเยอะขึ้นทำให้มีแรงบิดเพิ่มขึ้นจากเดิม 22% ส่วนความประหยัดน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าจะลดลงจาก Si รุ่นเดิม 2 ไมล์/แกลลอน หรือ 0.8 กิโลเมตร/ลิตรตามมาตรฐานการวัดของ EPA ลงมาอยู่ที่ 12.5 กิโลเมตร/ลิตรสำหรับการขับนอกเมือง อีกรุ่นที่จะมีขายควบคู่กันคือ GX หรือรุ่น CNG ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติควบคู่กับเครื่องยนต์ 1,800 ซีซี
การทำตลาดในสหรัฐอเมริกาจะเริ่มขึ้นเดือนมีนาคมนี้ โดยราคายังไม่ได้เปิดเผยว่าจะอยู่ในระดับเท่าไร โดยซีวิค FA ที่ขายอยู่มีราคาเริ่มต้นประมาณ 15,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 450,000 บาท ส่วนบ้านเราก็ต้องรอดูต่อไปว่า ซีวิคใหม่ที่จะเปิดตัวออกมา หน้าตาจะเป็นอย่างไร
ตรงนี้สร้างความฮือฮาและเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี เพราะว่าซีวิคเป็นรถยนต์ที่อยู่ในกระแสความสนใจของคนทั่วไป ซึ่งก็รวมถึงนักขับชาวไทย แต่ที่ชวนให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นคือ ข่าว (ลือ) ในอินเทอร์เน็ตที่ว่า ฮอนด้ากำลังจะยุติบทบาทของซีวิคญี่ปุ่น และทำให้ซีวิคที่เห็นอยู่นี้ถูกวางตัวให้กลายเป็นมาตรฐานสำหรับขายทั่วโลก (หรือเปล่า?)
ก่อนอื่นทำความเข้าใจกันสักหน่อยว่า ในเจเนอเรชันที่แล้ว ซึ่งเป็นรุ่นที่ 8 ที่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2005 ฮอนด้าแบ่งซีวิคใหม่ออกเป็น 3 โฉม คือ ยุโรปที่มีตัวถังแฮตช์แบ็กทั้ง 3 และ 5 ประตู, ญี่ปุ่นและตลาดพวงมาลัยขวารวมถึงเมืองไทย และสุดท้าย คือ โฉมอเมริกาเหนือ และตลาดพวงมาลัยซ้าย
เวอร์ชันยุโรปตัดทิ้งไปได้เลยเพราะตามปกติแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับใครทั้งในเชิงของตัวถัง และรสนิยม โดยฮอนด้าจับแยกการพัฒนาออกไปต่างหาก ขณะที่ญี่ปุ่นและอเมริกาเหนือ ความจริงแล้วคือ คันเดียวกันแต่ฮอนด้าสร้างความแตกต่างในเชิงสายตา ด้วยการเปลี่ยนไฟหน้า-หลัง และกันชนหน้า-หลังใหม่ ขณะที่ตัวถังช่วงกลาง และรายละเอียดหลักๆ ในห้องโดยสารใช้ร่วมกัน
จะเห็นได้ว่าซีวิค ญี่ปุ่น และอเมริกาเหนือเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด ส่วนตลาดไทย ฮอนด้าเลือกใช้รูปลักษณ์ของญี่ปุ่นในการทำตลาด และเมื่อมาถึงรุ่นนี้ ปัญหาก็คือมีข่าวว่าฮอนด้ากำลังจะยุติบทบาทของซีวิคในญี่ปุ่น แล้วตลาดไทยรวมถึงตลาดแห่งอื่นที่ใช้ซีวิครูปโฉมเดียวกันจะหันไปใช้รูปลักษณ์ไหนกันแน่
ถ้าข่าว (ลือ) เรื่องฮอนด้าจะเลิกขายซีวิคในญี่ปุ่นเป็นจริงขึ้นมา แล้วฮอนด้าจะกล้าควักเงินลงทุนอีกครั้งเพื่อปรับหน้าตาของซีวิคให้ดูสดใหม่ขึ้นเพื่อรองรับกับตลาดไม่กี่ประเทศที่เคยใช้รูปโฉมมีปริมาณยอดขายไม่ได้สูงมาก หรือว่าจะยอมใช้รูปลักษณ์นี้สำหรับขายทั่วโลกยกเว้นยุโรป...อีกไม่นานก็คงได้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม กลับมาที่ตัวรถกันก่อน สำหรับซีวิคใหม่ เจเนอเรชันที่ 9 ที่เห็นอยู่นี้เป็นเวอร์ชันอเมริกาเหนือ มีขายทั้งตัวถังซีดาน และคูเป้ ด้วยรูปลักษณ์ที่แทบจะถอดแบบมาจากตัวต้นแบบที่เปิดตัวในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2011 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่วนในห้องโดยสาร ยังคงเอกลักษณ์แบบ 2 ชั้นเหมือนกับซีวิค FD แต่ออกแบบชั้นบนให้มีความยาวขึ้นและพื้นที่ตรงส่วนของชุดมาตรวัดและแผงคอนโซลกลางเหมือนกับโอบล้อมเข้าหาผู้ขับ
ประเด็นที่ฮอนด้าชูให้เป็นจุดเด่นสำหรับซีวิคใหม่รุ่นนี้คือ ความประหยัดน้ำมัน ด้วยการต่อท้ายชื่อรุ่นด้วยคำว่า HF ซึ่งน่าจะย่อมาจาก High Fuel economy โดยจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC 1,800 ซีซีในรหัส R18A เหมือนกับรุ่นที่แล้ว แต่มีการปรับปรุงให้ตอบสนองในด้านความประหยัดน้ำมันมากขึ้น โดยทางฮอนด้ายังไม่ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดของการปรับปรุง และก็รวมถึงตัวเลขแรงม้าและแรงบิดที่จะยังอยู่ในระดับ 140 แรงม้า และ 17.6 กก.-ม.
ที่น่าสนใจคือ ตัวเลขค่าความสิ้นเปลืองของรุ่น HF ที่ฮอนด้าประกาศออกมานั้นอยู่ในระดับ 41 ไมล์/แกลลอน หรือ 16.6 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับการขับบนไฮเวย์จากการทดสอบโดยหน่วยงาน EPA หรือ Environment Protection Agency ซึ่งดีกว่ารุ่นที่แล้วร่วมๆ 5 ไมล์/แกลลอน (2 กิโลเมตร/ลิตร) เลยทีเดียว
ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงเฉพาะรุ่นเบนซินธรรมดาเท่านั้น สำหรับรุ่นไฮบริด แม้ว่าจะใช้พื้นฐานเดิมของเครื่องยนต์เบนซิน 1,500 ซีซี i-VTEC จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าในการช่วยขับเคลื่อนภายใต้แนวคิด IMA แต่ทว่าฮอนด้าก็เปลี่ยนการใช้แบตเตอรี่ในตัวรถจากแบบนิเกิลเมทัล ไฮดรายมาเป็นแบบลิเธียม-ไอออน
ในรุ่นไฮบริด ฮอนด้าวางเป้าหมายทำตัวเลขความประหยัดน้ำมันในการทดสอบแบบผสมในเมืองนอกเมืองอยู่ที่ 45 ไมล์/แกลลอน หรือ 18.3 กิโลเมตร/ลิตร หรือดีกว่ารุ่นเดิมถึง 4 ไมล์/แกลลอน หรือ 1.6 กิโลเมตร/ลิตร โดยทั้ง 2 รุ่นจะมีการติดตั้งชุดสเกิร์ตสำหรับแอโรไดนามิกเพื่อเพิ่มความเพรียวลม และเป็นการช่วยลดแรงต้านของอากาศในขณะแล่น ซึ่งจะส่งผลไปยังความประหยัดน้ำมัน
ขณะที่รุ่นธรรมดาหันมาเน้นความประหยัดกันมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่ารหัสแรงอย่าง Si กลับสวนทาง เพราะแทนที่จะใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซีในรหัส K20A เหมือนเดิม ฮอนด้ากลับเปลี่ยนใหม่ หันมาวางเครื่องยนต์ที่มีซีซีเยอะแทน โดยเป็นขุมพลัง 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,400 ซีซี ที่รีดกำลังออกมาได้ในระดับ 200 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 23.5 กก.-ม. ซึ่งเครื่องยนต์ที่ซีซีเยอะขึ้นทำให้มีแรงบิดเพิ่มขึ้นจากเดิม 22% ส่วนความประหยัดน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าจะลดลงจาก Si รุ่นเดิม 2 ไมล์/แกลลอน หรือ 0.8 กิโลเมตร/ลิตรตามมาตรฐานการวัดของ EPA ลงมาอยู่ที่ 12.5 กิโลเมตร/ลิตรสำหรับการขับนอกเมือง อีกรุ่นที่จะมีขายควบคู่กันคือ GX หรือรุ่น CNG ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติควบคู่กับเครื่องยนต์ 1,800 ซีซี
การทำตลาดในสหรัฐอเมริกาจะเริ่มขึ้นเดือนมีนาคมนี้ โดยราคายังไม่ได้เปิดเผยว่าจะอยู่ในระดับเท่าไร โดยซีวิค FA ที่ขายอยู่มีราคาเริ่มต้นประมาณ 15,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 450,000 บาท ส่วนบ้านเราก็ต้องรอดูต่อไปว่า ซีวิคใหม่ที่จะเปิดตัวออกมา หน้าตาจะเป็นอย่างไร