xs
xsm
sm
md
lg

Volkswagen Golf Cabrio : การกลับมาของรุ่นเปิดประทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถ้ายังจำกันได้ การเปิดตัวของนิวบีเทิล เปิดประทุนออกมาเมื่อปี 2003 แทนที่จะเป็นเรื่องดี กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้โฟล์คสวาเกนจำเป็นจะต้องทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับรถยนต์เปิดประทุนในคลาสคอมแพ็กต์ของตัวเอง เพราะนิวบีเทิลเปิดประทุนเป็นการเปิดตัวออกมาทับตลาดเดียวกับกอล์ฟ เปิดประทุน และสุดท้าย ทางออกในตอนนั้น คือ โฟล์คฯ เลือกที่จะยุติการทำตลาดของกอล์ฟ เปิดประทุน ซึ่งดูแล้วยังไงก็ไม่หวือหวา และเรียกความสนใจได้มากเท่ากับเจ้าเต่าเปิดกระดอง

กอล์ฟ เปิดประทุนถูกยุติในการทำตลาดเมื่อปี 2002 ซึ่งตัวถังสุดท้ายของกอล์ฟที่มีรุ่นนี้ขายควบคู่กับตัวถังแฮทช์แบ็ก, ซีดาน และแวกอนด้วยก็คือ MK III หรือมาร์ค ทรี โดยเกือบ 10 ปีกับอีก 2 สายพันธุ์ของกอล์ฟที่ไม่มีตัวถังเปิดประทุนให้เลือกซื้อ ในตอนนี้ โฟล์คสวาเกนจัดการปัดฝุ่นนำโปรเจ็กต์นี้กลับมาอีกครั้ง และเตรียมเปิดตัวงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2011
 
โดยโมเดลเปิดประทุน หรือ Cabrio รุ่นใหม่ ถูกพัฒนาบนพื้นฐานของกอล์ฟรุ่นปัจจุบันที่ขายอยู่ในตลาด ซึ่งมีรหัส Mk VI หรือมาร์ก ซิกส์ ดังนั้น หน้าตาด้านหน้าจนถึงกระจกบังลมหน้าก็เลยเหมือนกัน ตามแบบฉบับรถยนต์สายพันธุ์เดียวกัน เจนเนอเรชั่นเดียวกัน แต่ต่างตัวถัง

อย่างไรก็ตาม โฟล์คฯ ยังสร้างความแตกต่างและออกแบบรายละเอียดของรูปลักษณ์ด้านท้ายใหม่เพื่อให้ฉีกสไตล์และกลิ่นอายแบบเดียวกับที่สัมผัสได้ในตัวถังอื่นของมาร์ค ซิกส์ โดยใช้ไฟท้ายแบบ LED ที่มีลักษณะคล้ายกับรุ่น GTI แต่ที่แน่ๆ แฟนๆ ของกอล์ฟ เปิดประทุนอาจจะขัดใจเมื่อเห็นตัวถังของรุ่นนี้มาพร้อมกับสภาพโล่งเตียน ไร้คานตัว U คว่ำ ตรงบริเวณเสากลาง หรือ B-Pillar

เสานี้นอกจากจะทำหน้าที่เปรียบเสมือนกับ Safety Bar ซึ่จะช่วยป้องกันศีรษะของผู้ขับหรือผู้โดยสารกระแทกกับพื้นถนนเวลาที่รถตีลังกาแล้ว ยังถือเป็นเอกลักษณ์ของกอล์ฟเปิดประทุน เพราะมีการนำมาใช้ตั้งแต่รุ่นแรกและใช้ต่อเนื่องจนถึงเจนเนอเรชันที่ 3

ก็ไม่ต้องรีบดีใจเพราะคิดว่าจะมีการติดตั้งหลังคาแข็งพับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้ามาให้เหมือนกับรุ่น EOS เพราะในกอล์ฟรุ่นนี้ไม่เป็นอย่างนั้น หลังคาที่ติดรถมาให้ก็ยังเป็นแบบหลังคาอ่อนเหมือนเดิม แต่ดีหน่อยตรงที่เป็นแบบพับเก็บและกางออกด้วยระบบไฟฟ้า โดยใช้เวลาในการทำงานที่ค่อนข้างเร็วเอาเรื่อง เพียง 9.5 วินาทีเท่านั้น และสามารถเปิดหรือปิดได้โดยที่ไม่ต้องจอดรถ เพียงแต่จะต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ส่วนเรื่องความปลอดภัยเวลาที่พลิกคว่ำก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราจะมี Roll-Over Bar ซึ่งเป็นคานตัว U คว่ำที่จะกระดกขึ้นมาเวลาที่มีการตรวจจับได้ว่ารถยนต์กำลังพลิกคว่ำ โดยคานนี้จะติดตั้งอยู่ตรงบริเวณเบาะหลัง นอกจากนั้นก็ยังติดตั้งถุงลมนิภัยครบครัน ทั้งคู่หน้า ด้านข้าง และถุงลมนริภัยตรงบริเวณหัวเข่า เช่นเดียวกับระบบควบคุมการทรงตัว หรือ ESP ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยนต์ทุกรุ่นที่ขายอยู่ในยุโรป

สำหรับทางเลือกของเครื่องยนต์ บอกได้เลยว่าครบครันและน่าจะครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า เพราะถ้าอยากขับเบนซิน ก็มีเครื่องยนต์แบบ TSI โดยมีให้เลือกถึง 4 รุ่นครอบคลุมทั้งความประหยัด และความเร้าใจ ซึ่งรุ่นท็อปมากับตัวเลขในระดับ 210 แรงม้า

ส่วนเทอร์โบดีเซลก็มาพร้อมกัน 2 รุ่น และมีรุ่นประหยัดสุดเป็นแบบ 1,600 ซีซี 105 แรงม้าพร้อมเทคโนโลยี BlueMotion ที่ช่วยเน้นความประหยัดน้ำมัน ซึ่งมีอัตราความสิ้นเปลืองอยู่ที่ 4.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 22.7 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนอัตราการคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 117 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร โดยระบบเกียร์ก็มีทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา และแบบคลัตช์คู่ หรือ DSG แต่ก็มีไม่ครบทุกรุ่น ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเครื่องยนต์อะไร

ราคาเริ่มต้นของกอล์ฟ เปิดประทุนใหม่เผยออกมาแล้ว โดยจะเริ่มต้นในเยอรมนีด้วยตัวเลข 23,625 ยูโร หรือ 1.01 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น