ยนตรกรรมจากเยอรมนี...ขึ้นชื่ออยู่แล้วทั้งในเรื่องสมรรถนะ ความมั่นใจในการขับ และรูปลักษณ์ภายนอกที่ดึงดูดใจ โดยนอกจากชื่อที่เราคุ้นหูกันดีอยู่อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์, ออดี้, บีเอ็มดับเบิลยู, โฟล์คสวาเกน, โอเปิล หรือปอร์เช่แล้ว Wiesmann ยังถือเป็นอีกชื่อของยนตรกรรมจากแดนเบียร์ที่สามารถสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับลูกค้าทั่วโลกด้วยรูปทรงที่สะดุดตาและสมรรถนะสุดเร้าใจ โดยในตอนนี้วีสมันน์บุกตลาดกับ 2 ทางเลือกของสปอร์ตเปิดประทุนสุดสวยอย่าง MF4S และ MF5
ก่อนที่จะไปถึงเรื่องของ MF4S และ MF5 มาทำความรู้จักกับวีสมันน์กันก่อน ซึ่งบริษัทแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1985 โดย 2 พี่น้องตระกูลWiesmann ซึ่งก็คือ มาร์ติน และเฟรดไฮม์ โดยแรกเริ่มเดิมทีบริษัทรับหน้าที่ในการดัดแปลงรถสปอร์ตเปิดประทุนให้เป็นสปอร์ตหลังคาแข็งตามความต้องการของลูกค้า (ซึ่งปัจจุบันก็ยังทำธุรกิจนี้อยู่) ก่อนที่ในปี 1993 จะเพิ่มธุรกิจอีกแขนงขึ้นมา ซึ่งก็คือ การผลิตรถสปอร์ตแบบ Hand Made โดยมีโรงงานผลิตอยู่ที่ Dulmen ประเทศเยอรมนี และเริ่มบุกตลาดด้วยสปอร์ตเปิดประทุนที่ชื่อว่า MF3
จากนั้นWiesmannมีผลผลิตออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นรุ่น MF30 โรดสเตอร์ และ GT MF4 ซึ่งเป็นตัวถังแบบคูเป้ ก่อนที่จะมาถึงคิว MF4S และ MF5 ในแบบเปิดประทุน โดยรถสปอร์ตทั้งหมดได้รับการผลิตและพัฒนาบนพื้นฐานของรถยนต์จากค่ายบีเอ็มดับเบิลยูดังนั้น พื้นฐานทางวิศวกรรมของตัวรถจึงมั่นใจได้ โดยเฉพาะในเรื่องการยึดเกาะถนนที่ทาง Wiesmannดูจะใส่ใจเป็นพิเศษ ถึงขนาดออกแบบโลโก้ของตัวเองให้เป็นตุ๊กแก เพื่อสื่อให้เห็นถึงการยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยมเหมือนกับตุ๊กแกเกาะอยู่บนผนัง หรือเพดาน
สำหรับ MF4S และ MF5 เป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนที่มีความโดดเด่นอยู่ที่น้ำหนักตัวถังที่เบา เพราะว่าได้รับการผลิตจากอะลูมิเนียมร่วมกับวัสดุน้ำหนักเบาอื่นๆ เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งรุ่นแรกมีน้ำหนักอยู่ที่ 1,310 กิโลกรัม และอีกรุ่นอยู่ที่ 1,395 กิโลกรัม โดยที่ความโดดเด่นซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของรถสปอร์ตจากค่ายนี้คือ งานดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกที่เน้นความโฉบเฉี่ยว และผสมผสานกับความคลาสสิกของรถสปอร์ตยุคเก่าเพื่อให้เกิดสัมผัสแห่งความร่วมสมัยขึ้นมา
และแน่นอนว่ารางวัลสุดยอดรถยนต์สปอร์ตแห่งปี 2010 ที่ได้รับจากการโหวตโดยผู้อ่านนิตยสาร “Autobild Sport Cars” (เยอรมน๊) ซึ่งได้เลือกWiesmann MF4S นั้น ถือเป็นหลักฐานที่ดีในการแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นและความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อรถสปอร์ตแบรนด์นี้ ซึ่ง MF4S ชนะการโหวตในกลุ่ม Sport car “Small Volume” ด้วยคะแนนเสียงกว่า 68,000 คะแนน จากผู้อ่านนิตยสารและจากนิตยสารออนไลน์ (อินเทอร์เน็ต) จากการแข่งขันใน 17 ประเภท
MF4S และ MF5 เป็นสปอร์ตเปิดประทุนที่มีขนาดตัวถังในระดับ 4,240 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,507 มิลลิเมตร โดยในรุ่น MF4S มาพร้อมกับเครื่องยนต์วี8 วางอยู่ด้านหน้ามีความจุกระบอกสูบ 4,000 ซีซี รีดกำลังออกมาได้ 420 แรงม้า ที่ 8,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. ที่ 3,900 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ DCT หรือดับเบิลคลัตช์ ซึ่งเมื่อบวกกับน้ำหนักตัวที่เบาขนาดนี้ รับรองอัตราเร่งเร้าใจแน่นอน
ขณะที่ MF5 เป็นสปอร์ตคลาสใหญ่กว่า หันมาใช้ขุมพลังบล็อกวี10 ที่มีความจุ 5,000 ซีซี พร้อมกับเรี่ยวแรงในระดับ 507 แรงม้า ที่ 7,750 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 52.9 กก.-ม. ที่ 6,100 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์แบบ SMG ซึ่งสมรรถนะของตัวรถถือว่าจัดจ้านเอาเรื่องด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 3.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 310 กิโลเมตร/ชั่วโมง
สำหรับคนที่ห่วงเรื่องของอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงตรงนี้มาดูได้จากตัวเลขการทดสอบของทางยุโรป ซึ่ง MF4S อยู่ที่ 8.4 กิโลเมตร/ลิตรสำหรับการทดสอบทั้งในเมืองและนอกเมือง ส่วน MF5 อยู่ที่ 7.6 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนในเรื่องการยึดเกาะถนนที่ทางWiesmannชูเป็นเอกลักษณ์ของตัวรถนั้น ก็มั่นใจได้กับระบบช่วงล่างแบบปีกนก 2 ชั้นทั้งด้านหน้าและหลัง โดยด้านหน้าเสริมด้วยเหล็กกันโคลง และด้านหลังมีทั้งเทรลลิ่งลิงคก์ และเหล็กกันโคลง
ขณะที่ระบบเบรกในรุ่น MF5 ให้ความมั่นใจในการสยบม้าจำนวน 500 กว่าตัวด้วยดิสก์ขนาด 360X30 มิลลิเมตรที่ด้านหน้า และ 350X24 มิลลิเมตรสำหรับด้านหลัง โดยทั้ง 2 รุ่นใช้ล้อแม็กขนาด 20 นิ้วด้านหน้าจับคู่กับยาง 285/30ZR20 และด้านหลังขนาด 325/25ZR20
ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องไกลตัว แต่ความจริงแล้วใกล้แค่เอื้อม เพราะตอนนี้บ้านเรามีการนำเข้ามาขายแล้ว ผ่านทาง Yuma Motors โดยตั้งราคาของ MF4S เอาไว้ที่ 12.5 ล้านบาท และ 14.9 ล้านบาทสำหรับรุ่น MF5
อ้อ แต่บอกเอาไว้ก่อนว่า ใครที่สนใจอยากเป็นเจ้าของต้องมีความอดทนหน่อย เพราะด้วยเหตุที่เป็นสปอร์ต Hand Made และผลิตตามใบสั่งจอง ระยะเวลาในการทำงานและกว่าจะมาถึงมือท่านเจ้าของ อาจจะต้องรอนานหน่อย สัก 5-6 เดือนเท่านั้นเอง