ถือเป็นครั้งแรกของสายพันธุ์พริอุสกับการขยายทางเลือกของตัวถังใหม่นอกเหนือจากรุ่นปกติที่มีอยู่ในตลาด และแน่นอนว่าพริอุสรุ่นปัจจุบัน หรือเจนเนอเรชันที่ 3 นับจากปี 1997 กำลังจะขยายไลน์ออกมานอกเหนือ จากตัวถังแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ด้วยเวอร์ชัน V ที่มีความอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นในสไตล์แวกอน
V ถือเป็นหนึ่งใน 2 ตัวถังที่โตโยต้าต้องการขยายไลน์ออกสู่ตลาดโดยใช้พริอุสเป็นพื้นฐานของการพัฒนา ซึ่งคำว่า V เป็นตัวย่อของคำว่า Versatility ที่บรรดานักขับที่รักความอเนกประสงค์ทราบกันดี เพราะมักจะถูกใช้ในการสื่อความหมายถึงรถยนต์แบบแวกอน หรือไม่ก็มินิแวน ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้จะเริ่มทำตลาดในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่กลางปี 2011 เป็นต้นไป
อีกตัวถังหนึ่งที่จะเปิดตัวตามมาคือ C หรือย่อมาจาก City จะเป็นตัวถังแฮทช์แบ็กแบบ City Compact เน้นความคล่องตัวสำหรับการใช้งานในเมือง ซึ่งในดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2011 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ก็ยังเป็นแค่ต้นแบบไม่มีการผลิตขายจริงในตอนนี้ต้องรอจนกว่าจะถึงปีหน้า
แน่นอนว่านี่คือการเพิ่มทางเลือกที่พัฒนาอยู่บนตัวถังและพื้นฐานของพริอุส ในรุ่น V ก็เลยแชร์รายละเอียดทางวิศวกรรมของตัวถังร่วมกับแฮทช์แบ็กที่ทำตลาดอยู่ โดยใช้ชิ้นส่วนตัวถังตั้งแต่ด้านหน้าจนถึงประตูบานท้ายร่วมกัน
แต่โตโยต้าก็ไม่ได้เล่นง่ายๆ แค่นั้น เพราะนอกจากจะออกแบบตัวถังด้านท้ายให้มีความอเนกประสงค์ในสไตล์แวกอนแล้ว ในส่วนของแผงมาตรวัดและแผงหน้าปัดก็ออกแบบใหม่ แตกต่างจากพริอุสอย่างสิ้นเชิง สำหรับในส่วนของรูปทรงโดยรวมของตัวรถซึ่งมีส่วนต่ออัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยนั้น ทางพริอุส V สูญเสียความเพรียวลมของตัวถังเพียงเล็กน้อย เพราะค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน หรือ Cd ของตัวรถลดลงมาอยู่ที่ 0.29 ขณะที่พื้นที่ใช้สอยของห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายขยับเพิ่มขึ้นจากรุ่นแฮทช์แบ็กอีกถึง 50% เลยทีเดียว
สำหรับเบาะนั่งหลังสามารถแยกพับได้ในอัตราส่วน 60/40 ช่วยเพิ่มความอเนกประสงค์ในการบรรทุกสัมภาระหลากหลายรูปแบบ แถมเบาะนั่งหน้าฝั่งคนขับยังสามารถพับหนักพิงหลังให้แบนเรียบ เพื่อรองรับกับการบรรทุกสัมภาระที่มีความยาวเป็นพิเศษได้อีกด้วย
การขับเคลื่อนเป็นงานของระบบไฮบริดแบบ HSD-Hybrid Synergy Drive โดยยกชุดขุมพลังไฮบริดรหัส 2ZR-FXE แบบ 4 สูบเรียง 1,800 ซีซี VVT-I พร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้ ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ใช้อยู่ในพริอุสรุ่นธรรมดา แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของตัวรถจากแฮทช์แบ็กมาเป็นแวกอน ตรงนี้ทางโตโยต้าไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับในส่วนของกำลังขับเคลื่อนสูงสุดออกมาหรือไม่ เพราะจากเดิมระบบนี้ผลิตออกมาได้ 134 แรงม้า ก็ต้องรอดูสเปกที่แท้จริงของตัวรถกันต่อไป
แต่ที่แน่ๆ คือ ตัวรถรุ่นนี้มีอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันในระหว่างการทดสอบในเมืองอยู่ที่ 42 ไมล์/แกลลอน หรือ 17.02 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือว่าประหยัดมาก เพราะระบบไฮบริดจะช่วยตรงนี้อย่างมากในแง่ของการลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะเมื่อต้องจอดติดอยู่ในเมือง พริอุส V จะเริ่มทำตลาดในสหรัฐอเมริกากลางปี 2011 ส่วนราคายังไม่เปิดเผยในตอนนี้